วันศุกร์, มกราคม 15, 2564

Cho

 
บุคคลนั้นเป็นผู้ควรแก่การบูชาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เพราะเป็น
มุนีผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว ฉะนั้นท่านจึงกล่าวอย่างนี้.
บทว่า สลฺลํ เป็นบทเดิม.
บทว่า สตฺต สลฺลานิ เป็นบทกำหนดจำนวน.
บทว่า ราคสลฺลํ ความว่า ชื่อว่า ลูกศรคือราคะ เพราะอรรถว่า
ชื่อว่าลูกศร เพราะให้เกิดความบีบคั้น เพราะเจาะอาทิผิด เข้าไปภายใน เพราะ
ถอนออกได้ยาก. คือชื่อว่าราคะ เพราะอรรถว่า ยินดี. แม้ในลูกศรคือ
โทสะเป็นต้น ก็นัยนี้เหมือนกัน.
บทว่า อพฺพุฬฺหสลฺโล เป็นบทเดิม.
บทว่า อพฺพุหิตสลฺโล ได้แก่ นำลูกศรออกแล้ว.
บทว่า อุทฺธฏสลฺโล ได้แก่ ฉุดลูกศรขึ้น.
บทว่า สมุทฺธริตสลฺโล ท่านกล่าวด้วยสามารถอุปสรรค.
บทว่า อุปฺปาฏิตสลฺโล ได้แก่ ถอนลูกศรขึ้น.
บทว่า สมุปฺปาฏิตสลฺโล ท่านกล่าวด้วยสามารถอุปสรรค.
บทว่า สกฺกจฺจการี ความว่า เป็นผู้ทำโดยเคารพ ด้วยสามารถ
ทำโดยเคารพบุคคลหรือไทยธรรม ด้วยการเจริญกุศลธรรมมีทานเป็นต้น.
เป็นผู้ทำติดต่อ ด้วยการทำติดต่อกันไปด้วยสภาวะติดต่อ. เป็นผู้ทำไม่หยุด
ด้วยการทำโดยไม่หยุดยั้ง. กิ้งก่าไปได้หน่อยหนึ่งแล้วหยุดอยู่หน่อยหนึ่ง
ไม่ไปติดต่อกัน อุปมานี้ฉันใด บุคคลใดในวันหนึ่งให้ทานก็ดี ทำการ
บูชาก็ดี ฟังธรรมก็ดี แม้ทำสมณธรรมก็ดี ทำไม่นาน ไม่ยังการทำนั้นให้
เป็นไปติดต่อ อุปมัยนี้ก็ฉันนั้นนั่นแล. บุคคลนั้น เรียกว่าเป็นผู้ทำไม่ติด
 
๖๕/๖๙/๔๐๗

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก