วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 29, 2563

Thao

 
ในบทเหล่านั้น บทว่า สนฺติ ปกฺขา อปตนา ความว่า ปีกของ
เรามีอยู่แต่ยังบินไปไม่ได้ เพราะไม่สามารถจะกระโดดไปทางอากาศด้วยปีก
นั้นได้. บทว่า สนฺติ ปาทา อวญฺจนา คือแม้เท้าของเราก็มียู่ แต่ยัง
เดินไม่ได้ เพราะไม่สามารจะอาทิผิด อักขระก้าวไปด้วยเท้าอาทิผิด อาณัติกะนั้นได้. บทว่า มาตาปิตาอาทิผิด สระ
นิกฺขนฺตา ความว่า แม้มารดาบิดาของเราที่ควรจะนำเราไปในที่อื่น ก็ออก
ไปเสียแล้ว เพราะกลัวตาย. บทว่า ชาตเวท เป็นคำเรียกไฟ. เพราะว่า
ไฟนั้นเกิดให้รู้ ปรากฏด้วยเปลวควันพลุ่งขึ้น. ฉะนั้นท่านจึงเรียกว่า ชาต-
เวทะ. บทว่า ปฏิกฺกม คือขอร้องไฟว่า ท่านจงไปคือจงกลับไป.
พระมหาสัตว์ ได้นอนทำสัจจกิริยาว่า หากความที่เรามีปีก. ความที่
เหยียดปีกบินไปในอากาศไม่ได้ ความที่เรามีเท้า. ความที่เรายกเท้าเดินไป
ไม่ได้. และความที่มารดาบิดาทิ้งอาทิผิด เราไว้ในรังแล้วหนีไป เป็นความสัตย์จริง.
แน่ะไฟด้วยความสัตย์นี้ ขอท่านจงหลีกไปเสียจากที่นี้. พร้อมด้วยสัจจกิริยา
ของพระมหาสัตว์นั้น ไฟได้หลีกไปในที่ประมาณ ๑๖ กรีส. และเมื่อไฟ
หลีกไปก็มิได้ไหม้กลับเข้าป่าไป. ดับ ณ ที่นั้น ดุจคบเพลิงที่จุ่มลงไปในน้ำ
ฉะนั้น. ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า :-
พร้อมกับเมื่อเราทำสัจจกิริยา ไฟที่ลุก
รุ่งโรจน์ใหญ่หลวง เว้นไว้ ๑๖ กรีส ไฟดับ
ณ ที่นั้นเหมือนจุ่มลงในน้ำ.
 
๗๔/๒๙/๔๗๙

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น