ในบทว่า ปหีนภยเภรวา นั้น มีอธิบายว่า ความกลัวขั้นธรรมดา
ชื่อว่า ภัย ความกลัวขั้นรุนแรงชื่อว่า เภรวะ.
บทว่า ทสหงฺเคหิ สมฺปนฺนา ได้แก่ ประกอบด้วยองค์ที่เป็นอเสขะ.
บทว่า มหานาคา ได้แก่ เป็นมหานาคด้วยเหตุ ๔ ประการ.
บทว่า สมาหิตา ได้แก่ (มีใจมั่นคง) ด้วยอุปจารสมาธิและ
อัปปนาสมาธิ
บทว่า ตณฺหา เตสํ น วิชฺชติ ความว่า พระอรหันต์เหล่านั้นไม่มีแม้
ตัณหาที่ทำ (สัตว์โลก) ให้เป็นทาสซึ่งพระรัฐบาลเถระกล่าวไว้อย่างนี้
ว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นตรัสไว้
แล้วว่า สัตว์โลกพร่องอยู่ (เป็นนิตย์) ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา
ดังนี้แล.
พระผู้มีพระภาคเจ้า แสดงภาวะที่พระขีณาสพทั้งหลายเป็นไท
ด้วยบทว่า ตณฺหา เตสํ น วิชฺชติ นี้.
บทว่าอเสกฺข ญาณํอาทิผิด อักขระ ได้แก่ ญาณในอรหัตตผล.
บทว่า อนฺติโมยํ สมุสฺสโย แปลว่า อัตตภาพนี้มีเป็นครั้งสุดท้าย.
บทว่า โย สาโร พฺรหฺมจริยสฺส ความว่า ผลชื่อว่า เป็นสาระแห่ง
พรหมจรรย์คือมรรค.
บทว่า ตสฺมึ อปรปจฺจยา ความว่า ดำรงอยู่ในอริยผลนั้น
แทงตลอดโดยประจักษ์ (ด้วยตนเอง) ทีเดียวว่า สมบัตินี้ไม่ใช่สมบัติ
ของผู้อื่น.
บทว่า วิธาสุ น วิกมฺปนฺติ คือ ไม่หวั่นไหวในส่วนแห่งมานะ ๓.
บทว่า ทนฺตภูมึ ได้แก่ อรหัตตผล.
ชื่อว่า ภัย ความกลัวขั้นรุนแรงชื่อว่า เภรวะ.
บทว่า ทสหงฺเคหิ สมฺปนฺนา ได้แก่ ประกอบด้วยองค์ที่เป็นอเสขะ.
บทว่า มหานาคา ได้แก่ เป็นมหานาคด้วยเหตุ ๔ ประการ.
บทว่า สมาหิตา ได้แก่ (มีใจมั่นคง) ด้วยอุปจารสมาธิและ
อัปปนาสมาธิ
บทว่า ตณฺหา เตสํ น วิชฺชติ ความว่า พระอรหันต์เหล่านั้นไม่มีแม้
ตัณหาที่ทำ (สัตว์โลก) ให้เป็นทาสซึ่งพระรัฐบาลเถระกล่าวไว้อย่างนี้
ว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นตรัสไว้
แล้วว่า สัตว์โลกพร่องอยู่ (เป็นนิตย์) ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา
ดังนี้แล.
พระผู้มีพระภาคเจ้า แสดงภาวะที่พระขีณาสพทั้งหลายเป็นไท
ด้วยบทว่า ตณฺหา เตสํ น วิชฺชติ นี้.
บทว่า
บทว่า อนฺติโมยํ สมุสฺสโย แปลว่า อัตตภาพนี้มีเป็นครั้งสุดท้าย.
บทว่า โย สาโร พฺรหฺมจริยสฺส ความว่า ผลชื่อว่า เป็นสาระแห่ง
พรหมจรรย์คือมรรค.
บทว่า ตสฺมึ อปรปจฺจยา ความว่า ดำรงอยู่ในอริยผลนั้น
แทงตลอดโดยประจักษ์ (ด้วยตนเอง) ทีเดียวว่า สมบัตินี้ไม่ใช่สมบัติ
ของผู้อื่น.
บทว่า วิธาสุ น วิกมฺปนฺติ คือ ไม่หวั่นไหวในส่วนแห่งมานะ ๓.
บทว่า ทนฺตภูมึ ได้แก่ อรหัตตผล.
๒๗/๑๕๓/๑๖๘
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น