ทราบสันนิษฐานว่า คำนั้นท่านกล่าวตามทำนองโวหารที่ยกขึ้นแต่แรกนั่น เอง.
ในคำอื่น ๆ นอกจากคำนี้ แม้อื่นอีกแต่เห็นปานนี้ก็นัยนั้น.
ถามว่า ก็อะไรเป็นประโยชน์ในการกล่าวคำนั้นเล่า ?.
ตอบว่า การแสดงเหตุตั้งอาทิผิด อักขระ แต่ แรกแห่งวินัยกรรมทั้งหลาย มีบรรพชา
เป็นต้น เป็นประโยชน์.
จริงอยู่ ผู้ศึกษาพึงทราบว่า ประโยชน์ในการกล่าวคำนั้น ก็คือการ
แสดงเหตุตั้งแต่แรกแห่งวินัยกรรมทั้งหลาย มีบรรพชาเป็นต้นเหล่านั้น อย่าง
นี้ว่า บรรพชาและอุปสมบทอันใด ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตอย่างนี้
ว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตบรรพชาและอุปสมบทด้วยไตรสรณคมน์เหล่านี้
ดังนี้๑ และวัตรทั้งหลายมีอุปัชฌายวัตร อาจริยวัตรเป็นต้นเหล่าใด ซึ่งทรง
อนุญาตในที่ทั้งหลายมีกรุงราชคฤห์เป็นต้น บรรพชาอุปสมบทและอุปัชฌาย-
วัตรเป็นต้น เหล่านั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบรรลุอภิสัมโพธิญาณแล้ว ให้
๗ สัปดาห์อาทิผิด อักขระ ผ่านพ้นไปที่โพธิมัณฑ์ ทรงประกาศพระธรรมจักรในกรุงพาราณสี
แล้ว เสด็จถึงสถานนี้ ๆ โดยลำดับนี้ ทรงบัญญัติแล้วเพราะเรื่องนี้ ๆ.
ในบทเหล่านั้น บทว่า อุรุเวลายํ. ได้แก่ ที่แดนใหญ่. อธิบายว่า
ที่กองทรายใหญ่. อีกประการหนึ่ง ทราย เรียกว่าอุรุ, เขตคัน เรียกว่าเวลา.
แลพึงเห็นความในบทนี้ อย่างนี้ว่า ทรายที่เขาขนมาเพราะเหตุที่ล่วงเขตคัน
ชื่ออุรุเวลา.
ได้ยินว่า ในอดีตสมัย เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่เสด็จอุบัติ กุลบุตรหมื่น
คนบวชเป็นดาบสอยู่ที่ประเทศนั้น วันหนึ่งได้ประชุมกันทำกติกาวัตรไว้ว่า
ธรรมดากายกรรม วจีกรรม เป็นของปรากฏแก่ผู้อื่นได้ ฝ่ายมโนกรรม หา
๑. มหาวคฺค ปฐม. ๔๒.
ในคำอื่น ๆ นอกจากคำนี้ แม้อื่นอีกแต่เห็นปานนี้ก็นัยนั้น.
ถามว่า ก็อะไรเป็นประโยชน์ในการกล่าวคำนั้นเล่า ?.
ตอบว่า การแสดงเหตุ
เป็นต้น เป็นประโยชน์.
จริงอยู่ ผู้ศึกษาพึงทราบว่า ประโยชน์ในการกล่าวคำนั้น ก็คือการ
แสดงเหตุตั้งแต่แรกแห่งวินัยกรรมทั้งหลาย มีบรรพชาเป็นต้นเหล่านั้น อย่าง
นี้ว่า บรรพชาและอุปสมบทอันใด ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตอย่างนี้
ว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตบรรพชาและอุปสมบทด้วยไตรสรณคมน์เหล่านี้
ดังนี้๑ และวัตรทั้งหลายมีอุปัชฌายวัตร อาจริยวัตรเป็นต้นเหล่าใด ซึ่งทรง
อนุญาตในที่ทั้งหลายมีกรุงราชคฤห์เป็นต้น บรรพชาอุปสมบทและอุปัชฌาย-
วัตรเป็นต้น เหล่านั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบรรลุอภิสัมโพธิญาณแล้ว ให้
แล้ว เสด็จถึงสถานนี้ ๆ โดยลำดับนี้ ทรงบัญญัติแล้วเพราะเรื่องนี้ ๆ.
ในบทเหล่านั้น บทว่า อุรุเวลายํ. ได้แก่ ที่แดนใหญ่. อธิบายว่า
ที่กองทรายใหญ่. อีกประการหนึ่ง ทราย เรียกว่าอุรุ, เขตคัน เรียกว่าเวลา.
แลพึงเห็นความในบทนี้ อย่างนี้ว่า ทรายที่เขาขนมาเพราะเหตุที่ล่วงเขตคัน
ชื่ออุรุเวลา.
ได้ยินว่า ในอดีตสมัย เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่เสด็จอุบัติ กุลบุตรหมื่น
คนบวชเป็นดาบสอยู่ที่ประเทศนั้น วันหนึ่งได้ประชุมกันทำกติกาวัตรไว้ว่า
ธรรมดากายกรรม วจีกรรม เป็นของปรากฏแก่ผู้อื่นได้ ฝ่ายมโนกรรม หา
๑. มหาวคฺค ปฐม. ๔๒.
๖/๓/๘
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น