วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 12, 2564

Prakot

 
บทว่า ปลฺลตฺถิกาย มีความว่า อันภิกษุจะแสดงธรรมแก่ผู้ไม่เจ็บไข้
นั่งรัดเข่าอย่างใดอย่างหนึ่ง จะเป็นเครื่องรัดเข่าคือสายโยกก็ตาม เครื่องรัดเข่า
คือมือก็ตาม เครื่องรัดเข่าคือผ้าก็ตามไม่ควร.
บทว่า เวฏฺิตสีสสฺส มีความว่า แก่ผู้โพกศีรษะด้วยผ้าสำหรับโพก
หรือด้วยพวงดอกไม้เป็นต้น มิดจนริมผมไม่ปรากฏอาทิผิด อักขระให้เห็น.
บทว่า โอคุณฺฐิตสีสสฺส คือ ผู้ห่มคลุมทั้งศีรษะ.
สองบทว่า ฉมายํ นิสินฺเนน คือ ผู้นั่งบนพื้นดิน.
สองบทว่า อาสเน นิสินฺนสฺส คือ ชั้นที่สุด ได้แก่ผู้ปูผ้า หรือ
หญ้านั่ง .
บทว่า ฉวกสฺส ได้แก่ คนจัณฑาล.
บทว่า ฉวกา ได้แก่ หญิงจัณฑาล.
บทว่า นิลีโน คือเป็นผู้หลบซ่อนอยู่.
บทว่า ยตฺร หิ นาม คือ โย หิ นาม แปลว่า บุคคลใดเล่า
ข้อว่า สพฺพมิทํ จ ปริคตนฺติ ตตฺเถว ปริปติ มีความว่า คน
จัณฑาลนั้นกล่าวถ้อยคำอย่างนี้ว่า โลกนี้ทั้งหมด ถึงความยุ่งเหยิงไม่มีเขตแดน
แล้วไต่ลงมาจากต้นไม้ ในระหว่างชนทั้ง ๒ นั้น ในที่นั้นนั่นเทียว. ก็แล
ครั้นไต่ลงมาแล้ว ยืนอยู่ข้างหน้าแห่งชนแม้ทั้ง ๒ แล้วกล่าวคาถานี้ว่า อุโภ
อตฺถํ น ชานนฺติ ฯ เป ฯ อสฺมา กุมฺภมิวาภิทาอาทิผิด อักขระ ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บาทคาถาว่า อุโภ ยตฺถํ น ชานนฺติ ความว่า
ชนแม้ทั้ง ๒ ย่อมไม่รู้อรรถแห่งบาลี
ข้อว่า ธมฺมํ น ปสฺสเร ความว่า ชนทั้ง ๒ ย่อมไม่เห็นบาลี.
ถามว่า ชนทั้ง ๒ นั้นเหล่าไหน ?.
 
๔/๘๘๑/๙๖๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น