วันจันทร์, กันยายน 13, 2564

Sattha

 
แก่ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ
อุปนิสสยปัจจัย.
๖. อัปปีติกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปีติกธรรม และ
อัปปีติกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย
เป็น อุปนิสสยปัจจัย ทั้ง ๓ นัย คือ
บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาอาทิผิด อักขระที่เป็นอัปปีติกธรรม แล้วให้ทานด้วยจิต
ที่เป็นสัปปีติกธรรม ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิด ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.
บุคคลเข้าไปอาศัยศีลที่เป็นอัปปีติกธรรม ฯลฯ เสนาสนะ ปีติ แล้ว
ให้ทานด้วยจิตที่เป็นสัปปีติกธรรม ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิด ถือเอาของที่เขา
ไม่ได้ให้ ด้วยจิตที่เป็นสัปปีติกธรรม.
เหมือนวาระที่ ๒
บุคคลกระทำการฆ่าคนในนิคม. ศรัทธาที่เป็นอัปปีติกธรรม ฯลฯ
เสนาสนะ และปีติ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นสัปปีติกธรรม ฯลฯ แก่ปัญญา
แก่ราคะ แก่โมหะ แก่มานะ แก่ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา แก่มรรค แก่
ผลสมาบัติ และแก่ปีติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.
๗. สัปปีติกธรรม และอัปปีติกธรรม เป็นปัจจัยแก่
สัปปีติกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย
เป็น อุปนิสสยปัจจัย ทั้ง ๓ นัย คือ
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสัปปีติกธรรม และปีติ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย
ที่เป็นสัปปีติกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)
 
๘๙/๖๘๗/๗๗๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น