วันเสาร์, ธันวาคม 04, 2564

Dam

 
เหนื่อยหน่ายเหล่านั้น. แต่นั้นเมื่อบรรลุคุณวิเศษ อยู่ในเสนาสนะอันสงัดใน
ราวป่า อันยินดีได้ยาก เกิดความกลัวรู้สึกหวาดสะดุ้ง เมื่อชนเหล่านั้นเกิด
ความกลัวความระแวง ไม่พอใจในรสของวิเวกอยู่ตลอดกาลนาน เกิดความ
สงสัยในการปฏิบัติว่า นี้คงไม่ใช่ทางแน่ เมื่อบรรเทาความสงสัยนั้นอยู่ เกิด
มานะ (ถือตัว) มักขะ (ลบหลู่) ถัมภะ (หัวดื้อ) เพราะบรรลุคุณวิเศษ
เพียงเล็กน้อย เมื่อบรรเทามานะ มักขะ ถัมภะอยู่ ย่อมเกิด ลาภ สักการะ
และความสรรเสริญ เพราะอาศัยการบรรลุคุณวิเศษยิ่งไปกว่านั้น. ผู้หมกมุ่น
อยู่ในลาภ ประกาศธรรมปฏิรูป (ธรรมเทียม) บรรลุทางผิด ตั้งอยู่ในทาง
ผิดนั้น ย่อมยกตนข่มผู้อื่นด้วยชาติเป็นต้น ฉะนั้นพึงทราบความที่กามเป็นต้น
เป็นเสนาที่ ๑.
พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นทรงแสดงเสนา ๑๐ อย่างอย่างนี้แล้ว เพราะ
เสนานั้นย่อมเป็นไปเพื่อความอุปการะมารผู้ใจดำ เพราะประกอบด้วยธรรมดำ
ฉะนั้น เมื่อจะทรงอ้างกะมารนั้นว่า ตว เสนา เสนาของท่าน จึงตรัสว่า
เอสา นมุจิ เต เสนา กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี ดูก่อนมาร เสนาของท่าน
นี้มีปรกติกำจัดคนผู้มีธรรมดำอาทิผิด อักขระ ดังนี้.
ในบทเหล่านั้น บทว่า อภิปฺปหารินี ได้แก่ กำจัด ทำร้าย
ทำอันตรายแก่สมณพราหมณ์ทั้งหลาย. บทว่า น นํ อสูโร ชินาติ เชตฺวา
จ ลภเต สุขํ คนผู้ไม่กล้าย่อมไม่ชนะเสนาของท่านนั้น ครั้นชนะแล้วย่อม
ได้ความสุข ดังนี้ ความว่า คนผู้ไม่กล้าคือคนที่ไม่มีความเพ่งเล็งในกายและ
ในชีวิต ย่อมไม่ชนะเสนาของท่าน แต่คนกล้าย่อมชนะได้ ครั้นชนะแล้วย่อม
 
๔๗/๓๕๕/๔๐๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น