วันจันทร์, ธันวาคม 27, 2564

Phok

 
มนสิการฌานนั้นโดยความสงบแม้ก็จริง ถึงอย่างนั้น การคำนึง การประมวลมา
มนสิการนั้นย่อมไม่มีแก่พระโยคีนั้นว่า เราจักนึกถึง เราจักเข้า เราจักอธิฐาน
เราจักออก เราจักพิจารณาฌานนั้น ดังนี้.
ถามว่า เพราะเหตุไร ?
ตอบว่า เพราะเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นธรรมสงบกว่า ประณีต
กว่าอากิญจัญญายตนะ.
เหมือนอย่างว่า พระราชาเสด็จขึ้นทรงบนคอช้างตัวประเสริฐ เสด็จ
เที่ยวไปในทางพระนคร โดยอานุภาพแห่งพระราชาผู้เป็นใหญ่ ทรงทอด
พระเนตรคนมีศิลปะมีช่างแกะสลักงาเป็นต้นนุ่งผ้าผืนหนึ่ง โพกอาทิผิด อักขระผ้าผืนหนึ่งที่
ศีรษะทะมัดทะแมงมีตัวเกลื่อนกล่นด้วยผงงาเป็นต้นกำลังทำศิลปะแกะสลักงา
เป็นต้นมิใช่น้อย ก็ทรงพอพระทัยในความฉลาดของช่างเหล่านั้น อย่างนี้ว่า
น่าอัศจรรย์หนอ อาจารย์ผู้ฉลาดสามารถกระทำศิลปะทั้งหลายชื่อแม้เช่นนี้ได้
ดังนี้ แต่มิได้มีพระดำริอย่างนี้ว่า โอหนอ ตัวเราก็พึงสละราชสมบัติแล้วเป็น
นักศิลปะเช่นนี้ ดังนี้ ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร เพราะความที่ราชสมบัติมีค่ามาก
พระองค์ก็ทรงเสด็จผ่านนักศิลปะทั้งหลายไป ฉันใด พระโยคาวจร ก็ฉันนั้น
เหมือนกัน ย่อมมนสิการสมาบัตินั้นโดยสงบแม้ก็จริง ถึงอย่างนั้น ท่านก็ไม่
คำนึง ไม่ประมวลมา ไม่มนสิการว่า เราจักนึกถึง จักเข้าสมาบัติ จักอธิษฐาน
จักออก จักพิจารณาสมาบัตินี้ ดังนี้ เมื่อมนสิการสมาบัตินั้นโดยสงบอยู่
ย่อมบรรลุสัญญาถึงอัปปนาอันละเอียดอย่างยิ่งนั้นโดยนัยที่กล่าวไว้ในกาลก่อน
นั่นแหละ ชื่อว่า เนวสัญญีนาสัญญี ย่อมมีด้วยสมาบัติใด ตรัสเรียกสมาบัติ
นั้นว่า พระโยคีย่อมเจริญสมาบัติมีสังขารที่เหลือเป็นอารมณ์ ดังนี้.
 
๗๕/๑๙๒/๕๕๙

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น