วันศุกร์, มกราคม 07, 2565

Nirot

 
จากนิโรธนั้นแล. คำว่า “มีเครื่องหมายทุกอย่าง” ได้แก่อารมณ์ทั้งหมดมีรูป
เป็นต้น. คำว่า “และการใส่ใจในธาตุที่ไม่มีเครื่องหมาย” ได้แก่การใส่ใจใน
นิพพานธาตุที่ปราศจากเครื่องหมายทุกชนิด. พระเถระกล่าวหมายเอาความ
ใส่ใจที่เกิดพร้อมกับผลสมาบัติ ด้วยประการฉะนี้. เป็นอันว่าท่านถือเอาฌาน
ที่หนึ่งที่มีนิโรธเป็นที่รองรับในชั้นล่างแล้ว. เนวสัญญานาสัญญายตนะที่
เป็นอนันตรปัจจัยของนิโรธ ท่านก็ถือเอาแล้ว. ผลสมาบัติของผู้ออกจาก
นิโรธ ท่านก็ถือเอาในบทนี้แล้วแล. ในที่นี้พึงกล่าวถึง นิโรธกถา (ถ้อยคำว่า
ด้วยความดับ) นิโรธกถานั้นมาแล้วในปฏิสัมภิทามรรคอย่างนี้ว่า “ความรู้ชัด
สำหรับใช้อบรมบ่มความชำนิชำนาญ ย่อมมีได้ด้วยความสงบ ระงับเครื่อง
ปรุงแต่งตั้งสามอย่าง เพราะผู้ประกอบด้วยผลสองอย่าง ด้วยการดำเนินไป
ในความรู้ทั้งสิบหกอย่าง และการดำเนินไปในสมาธิเก้าอย่าง ความรู้
(ญาณ) ย่อมมีได้ด้วยการเข้านิโรธ” ส่วนคำวินิจฉัยทุกแง่ทุกมุมของนิโรธ-
กถานั้น ท่านกล่าวไว้แล้วในวิสุทธิมรรค.

บัดนี้ เมื่อจะถามถึงสมาบัติสำหรับใช้สอย พระเถระจึงกล่าวคำเป็น
ต้นว่า “ผู้มีอายุ ก็แลปัจจัยมีเท่าไร” ก็ธรรมดาการหยุดของผลสมาบัติของ
ผู้ออกจากนิโรธอาทิผิด ไม่มี. การหยุด (ฐิติ ได้แก่ ฐิติขณะ) เป็นไปหนึ่งหรือสองวาระจิต
เท่านั้น แล้วก็หยั่งลงสู่ภวังค์ สำหรับภิกษุที่นั่งดับสิ่งที่ไม่มีรูปที่เป็นไป
แล้วตลอดเจ็ดวันนี้ จะตั้งอยู่ในผลสมาบัติของผู้ออกจากนิโรธได้ไม่นาน.
แต่ในสมาบัติสำหรับใช้สอย การกำหนดเวลา เป็นเรื่องสำคัญแท้. ฉะ-
นั้น ชื่อว่าการหยุดนั้น จึงย่อมมีได้. เพราะเหตุนั้น พระมหาโกฏฐิกเถระ
จึงกล่าวว่า “ด้วยการตั้งอยู่ (ฐิติ) แห่งผลสมาบัติที่ไม่มีเครื่องหมาย” หมาย
ความว่า “ปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่ได้นานแห่งผลสมาบัตินั้นมีเท่าไร” ส่วนใน
การแก้ปัญหานั้น ท่านกล่าวถึงการกะเวลาว่า “และการปรุงแต่งอย่างยิ่งใน
 
๑๙/๕๐๔/๓๑๘

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น