วันเสาร์, มิถุนายน 04, 2565

Tuang

 
ยิ่งกว่ามรรคมีองค์ ๘ นั้นไม่มี. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า เขมํ ก็ดี บทว่า อมตํ
ก็ดีในบทว่า เขมํ อมตํ นี้ เป็นชื่อของนิพพานนั่นเอง.
ในบทนี้มีความว่า สมณพราหมณ์ผู้กล่าวคัดค้านเป็นอันมาก ถือเอา
ด้วยลัทธิว่าทางอันเป็นทางเกษม และทางอันให้ถึงอมตธรรม มรรคมีองค์ ๘
เป็นทางอย่างยิ่งคือสูงสุดกว่ามรรคทั้งหลายอันเป็นทางเกษมและเป็นทางอมตะ
เหล่านั้นทั้งหมด. บทว่า อาจริยปาจริยานํ แห่งอาจารย์และปาจารย์คือแห่ง
อาจารย์และแห่งอาจารย์ของอาจารย์ทั้งหลาย. บทว่า สเมติ ย่อมสมกันคือเช่น
เดียวกันไม่ต่างกัน ดุจตวงอาทิผิด อักขระด้วยทะนานเดียวกัน ดุจชั่งด้วยตาชั่งเดียวกัน. บทว่า
อโนมชฺชติ ลูบตัว คือมาคัณฑิยปริพาชก ลดฝ่ามือลงข้างล่างลูบตัว. บทว่า
อิทนฺตํ โภ โคตม อาโรคฺยํ อทนฺตํ นิพฺพานํ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญนี้คือ
ความไม่มีโรคนี้คือความสุข คือมาคัณฑิยปริพาชกลูบศีรษะตามเวลา ลูบท้อง
ตามเวลาจึงกล่าวอย่างนี้. บทว่า เฉกํ คือผ่องใส. บทว่า พาหุลิจีวเรน
ผ้าเทียมคือผ้าเนื้อหยาบทำด้วยขนแกะดำ. อาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า สงฺการ-
โจฬเกน บ้าง แปลว่าผ้าที่เขาตั้งไว้ในหยากเยื่อ. บทว่า วาจํ นิจฺฉเรยฺย เปล่ง
วาจา ความว่า เปล่งวาจาลูบคลำที่ชาย ที่ปลาย ที่ท่ามกลางตามเวลา. บทว่า
ปุพฺพเกเหสา ตัดบทเป็น ปุพฺพเกหิ เอสา ความว่า พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสีบ้าง ฯลฯ พระนามว่า กัสสปะบ้าง ประทับนั่งท่าม
กลางบริษัท ๔ ได้ตรัสพระคาถานี้. คาถาอาศัยประโยชน์เพราะเหตุนั้นมหาชน
จึงได้เรียน. ครั้นเมื่อพระศาสดาเสด็จปรินิพพานแล้ว ภายหลังคาถาทั้งหลายจึง
พากันเข้าไปสู่ระหว่างพวกปริพาชก. ปริพาชกเหล่านั้นจดไว้ในใบลานรักษาไว้
๒ บทเท่านั้น. เพราะฉะนั้นท่านจึงกล่าวว่าคาถานั้นบัดนี้เป็นคาถาของปุถุชน
ตามลำดับ. ชื่อว่า โรคภูโต เพราะเป็นรังโรค. แม้ในบทที่เหลือก็มีนัยนี้เหมือน
กัน. บทว่า อรยํ จกฺขุํ จักษุประเสริฐ คือ วิปัสสนาญาณและมรรคญาณ
 
๒๐/๒๙๒/๕๑๑

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น