ติมิรปุปผิยวรรคที่ ๙
ติมิรปุปผิยเถราปทานที่ ๑ (๘๑)
ว่าด้วยผลแห่งการโปรยดอกดีหมี
[๘๓] เรา (เที่ยว) ไปตามกระแสน้ำใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา ได้
เห็นพระสมณะซึ่งประทับนั่งอยู่ ผู้ผ่องใส ไม่ขุ่นมัว เรายังจิต
ให้เลื่อมใสในพระสมณะนั้น แล้วได้คิดอย่างนี้ในกาลนั้นว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงข้ามพ้นด้วยพระองค์เองแล้ว จักทรง
ยังสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้น ทรงทรมานเองแล้ว จักทรงทรมาน
สรรพสัตว์
ทรงเบาพระทัยเองแล้ว จักทรงยังสรรพสัตว์ให้เบาใจ
ทรงสงบเองแล้วจักอาทิผิด อักขระ ทรง ยังสรรพสัตว์ให้สงบ ทรงพ้นเองแล้ว
จักทรงยังสรรพสัตว์ให้พ้น ทรงดับเองแล้ว จักทรงยัง
สรรพสัตว์ให้ดับ.
ครั้นเราคิดอย่างนี้แล้ว ได้ถือเอาดอกดีหมี มาโปรยลง
เบื้องบนพระเศียรแห่งพระพุทธเจ้า ผู้แสวงหาคุณใหญ่
พระนามว่าสิทธัตถะ บูชาในกาลนั้น แล้วประนมอัญชลี ทำ
ประทักษิณพระองค์ และถวายบังคมพระบาทพระศาสดาแล้ว
กลับไปทางทิศอื่น.
พอเราไปแล้วไม่นาน พญาเนื้อได้เบียดเบียนเรา เรา
เดินไปตามริมเหว ได้ตกลงในเหวนั้นนั่นเอง.
ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้บูชาด้วยดอกไม้ใด ด้วย
การบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา.
ติมิรปุปผิยเถราปทานที่ ๑ (๘๑)
ว่าด้วยผลแห่งการโปรยดอกดีหมี
[๘๓] เรา (เที่ยว) ไปตามกระแสน้ำใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา ได้
เห็นพระสมณะซึ่งประทับนั่งอยู่ ผู้ผ่องใส ไม่ขุ่นมัว เรายังจิต
ให้เลื่อมใสในพระสมณะนั้น แล้วได้คิดอย่างนี้ในกาลนั้นว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงข้ามพ้นด้วยพระองค์เองแล้ว จักทรง
ยังสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้น ทรงทรมานเองแล้ว จักทรงทรมาน
สรรพสัตว์
ทรงเบาพระทัยเองแล้ว จักทรงยังสรรพสัตว์ให้เบาใจ
ทรงสงบเองแล้ว
จักทรงยังสรรพสัตว์ให้พ้น ทรงดับเองแล้ว จักทรงยัง
สรรพสัตว์ให้ดับ.
ครั้นเราคิดอย่างนี้แล้ว ได้ถือเอาดอกดีหมี มาโปรยลง
เบื้องบนพระเศียรแห่งพระพุทธเจ้า ผู้แสวงหาคุณใหญ่
พระนามว่าสิทธัตถะ บูชาในกาลนั้น แล้วประนมอัญชลี ทำ
ประทักษิณพระองค์ และถวายบังคมพระบาทพระศาสดาแล้ว
กลับไปทางทิศอื่น.
พอเราไปแล้วไม่นาน พญาเนื้อได้เบียดเบียนเรา เรา
เดินไปตามริมเหว ได้ตกลงในเหวนั้นนั่นเอง.
ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้บูชาด้วยดอกไม้ใด ด้วย
การบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา.
๗๑/๘๓/๓๐๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น