สามารถให้ภวังค์ไหว ย่อมมีในขณะเดียวกันนั่นแหละไม่ก่อนไม่หลังกันฉันนั้น.
ลำดับนั้น มหาจิตนี้ก็เกิดขึ้นในอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งแห่งอารมณ์เหล่านั้น
อันติดต่อกันไปแห่งอาวัชชนจิตเป็นต้น ที่ตัดภวังค์แล้วเกิดขึ้นในจักขุทวาร
เป็นต้น มีโวฏฐานจิต๑เป็นที่สุด แต่ว่าในมโนทวารล้วน ๆ ไม่มีกิจกระทบกับ
ประสาท โดยปกติอารมณ์เหล่านี้ ย่อมมาสู่คลองด้วยสามารถแห่งรูปที่เห็นแล้ว
เสียงที่ฟังแล้ว กลิ่นที่ดมแล้ว รสที่ลิ้มแล้ว กายที่กระทบแล้วเท่านั้น.
ถามว่า อารมณ์เหล่านี้มาสู่คลอง (มโนทวาร) อย่างไร.
ตอบว่า บุคคลบางคนในโลกนี้ กระทำประทักษิณมหาเจดีย์ประดับ-
ตกแต่งแล้ว ฉาบทาด้วยปูนขาว วิจิตรด้วยสีมีหรดาลและมโนศิลาอาทิผิด อักขระ เป็นต้น มีการ
ปักธงชัยและธงแผ่นผ้ามีประการต่าง ๆ ผูกพวงดอกไม้ล้อมประทีปและมาลัย
รุ่งโรจน์อยู่ด้วยสิริอันรื่นรมย์ใจอย่างยิ่ง ไหว้ด้วยเบญจางคประดิษที่ฐานพระ-
เจดีย์ ๑๖ ชั้น แล้วยืนประคองอัญชลี แลดูอยู่ถือปีติพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์
เมื่อบุคคลนั้นเห็นพระเจดีย์ ยังปีติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ให้เกิดขึ้นอย่าง
นี้แล้ว ภายหลังไปในที่ใดที่หนึ่ง นั่งในที่พักเป็นที่พักในเวลากลางคืนและกลางวัน
รำพึงอยู่ มหาเจดีย์ที่ประดับตกแต่งแล้ว เช่นเดียวกับที่มาสู่คลองในจักขุทวาร
นั่นแหละ เป็นเหมือนเวลาที่กระทำประทักษิณแล้วไหว้พระเจดีย์ฉะนั้น
รูปารมณ์ย่อมมาสู่คลองด้วยสามารถแห่งรูปที่ตนเห็นมาก่อน ด้วยประการฉะนี้.
อนึ่ง เมื่อบุคคลฟังเสียงพระธรรมกถึกผู้กล่าวธรรมกถาด้วยเสียงอัน
ไพเราะ หรือฟังเสียงนักสวดซึ่งสวดอยู่ด้วยเสียงไพเราะ ภายหลังไปนั่งใน
ที่ใดที่หนึ่ง แล้วรำพึงอยู่ ธรรมกถา หรือเสียงสรภัญญะ เป็นเหมือนมาสู่คลอง
ในโสตทวาร และเหมือนเวลาให้สาธุการแล้วฟังธรรม ฉะนั้น สัททารมณ์
ย่อมมาสู่คลองด้วยสามารถแห่งเสียงที่ฟังแล้ว ด้วยประการฉะนี้.
๑ โวฏฐัพพนจิต
ลำดับนั้น มหาจิตนี้ก็เกิดขึ้นในอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งแห่งอารมณ์เหล่านั้น
อันติดต่อกันไปแห่งอาวัชชนจิตเป็นต้น ที่ตัดภวังค์แล้วเกิดขึ้นในจักขุทวาร
เป็นต้น มีโวฏฐานจิต๑เป็นที่สุด แต่ว่าในมโนทวารล้วน ๆ ไม่มีกิจกระทบกับ
ประสาท โดยปกติอารมณ์เหล่านี้ ย่อมมาสู่คลองด้วยสามารถแห่งรูปที่เห็นแล้ว
เสียงที่ฟังแล้ว กลิ่นที่ดมแล้ว รสที่ลิ้มแล้ว กายที่กระทบแล้วเท่านั้น.
ถามว่า อารมณ์เหล่านี้มาสู่คลอง (มโนทวาร) อย่างไร.
ตอบว่า บุคคลบางคนในโลกนี้ กระทำประทักษิณมหาเจดีย์ประดับ-
ตกแต่งแล้ว ฉาบทาด้วยปูนขาว วิจิตรด้วยสีมีหรดาลและ
ปักธงชัยและธงแผ่นผ้ามีประการต่าง ๆ ผูกพวงดอกไม้ล้อมประทีปและมาลัย
รุ่งโรจน์อยู่ด้วยสิริอันรื่นรมย์ใจอย่างยิ่ง ไหว้ด้วยเบญจางคประดิษที่ฐานพระ-
เจดีย์ ๑๖ ชั้น แล้วยืนประคองอัญชลี แลดูอยู่ถือปีติพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์
เมื่อบุคคลนั้นเห็นพระเจดีย์ ยังปีติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ให้เกิดขึ้นอย่าง
นี้แล้ว ภายหลังไปในที่ใดที่หนึ่ง นั่งในที่พักเป็นที่พักในเวลากลางคืนและกลางวัน
รำพึงอยู่ มหาเจดีย์ที่ประดับตกแต่งแล้ว เช่นเดียวกับที่มาสู่คลองในจักขุทวาร
นั่นแหละ เป็นเหมือนเวลาที่กระทำประทักษิณแล้วไหว้พระเจดีย์ฉะนั้น
รูปารมณ์ย่อมมาสู่คลองด้วยสามารถแห่งรูปที่ตนเห็นมาก่อน ด้วยประการฉะนี้.
อนึ่ง เมื่อบุคคลฟังเสียงพระธรรมกถึกผู้กล่าวธรรมกถาด้วยเสียงอัน
ไพเราะ หรือฟังเสียงนักสวดซึ่งสวดอยู่ด้วยเสียงไพเราะ ภายหลังไปนั่งใน
ที่ใดที่หนึ่ง แล้วรำพึงอยู่ ธรรมกถา หรือเสียงสรภัญญะ เป็นเหมือนมาสู่คลอง
ในโสตทวาร และเหมือนเวลาให้สาธุการแล้วฟังธรรม ฉะนั้น สัททารมณ์
ย่อมมาสู่คลองด้วยสามารถแห่งเสียงที่ฟังแล้ว ด้วยประการฉะนี้.
๑ โวฏฐัพพนจิต
๗๕/๑๖/๒๔๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น