วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 11, 2567

But

 
พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นเปิดเผยพระองค์อย่างสิ้นเชิงอย่างนี้แล้ว เมื่อ
จะยังพราหมณ์ให้หยั่งลงยิ่ง เพื่อข้ามความสงสัยในพระองค์ จึงตรัสสองคาถา
ว่า วินยสฺสุ เป็นต้น. ในบทเหล่านั้น บทว่า สลฺลกตฺโต ได้แก่ ผู้ถอนลูก
ศรคือราคะเป็นต้นได้แล้ว. บทว่า อนุตฺตโร ความว่า โรคที่หมอภายนอก
รักษาให้หายแล้ว ยังกำเริบได้ในอัตตภาพนี้ได้ฉันใด แต่โรคที่เรารักษาให้
หายแล้วไม่ใช่ฉันนั้น ย่อมไม่เกิดขึ้นในภพอื่นอีก. เพราะฉะนั้น เราจึงเป็น
ผู้ไม่มีใครอื่นยิ่งกว่า. บทว่า พฺรหฺมภูโต ได้แก่ เป็นผู้ประเสริฐที่สุด. บทว่า
เปรียบไม่ได้ คือล่วงการเปรียบเทียบ หมายความว่า เปรียบเทียบไม่ได้.
บทว่า มารเสนปฺปมทฺทโน ความว่า ทรงย่ำยีมารและเสนามาร ซึ่งมาแล้ว
อย่างนี้ว่า กามทั้งหลายเป็นเสนาที่ ๑ ของท่าน. บทว่า สพฺพามิตฺเต ได้แก่
ข้าศึกทั้งปวงกล่าวคือขันธมาร กิเลสมาร อภิสังขารมาร มัจจุมารและเทวบุตรอาทิผิด อักขระ
มาร. คำว่า วสีกตฺวา ความว่า ให้เป็นไปในอำนาจของตนแล้ว. บทว่า
อกุโตภโย ความว่า ผู้ไม่มีภัยแต่ที่ไหน ๆ.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสด้วยประการดังนี้แล้ว เสลพราหมณ์เกิด
ความเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้าในทันทีนั้น เป็นผู้มุ่งต่อบรรพชาจึงกล่าว
สองคาถาว่า อิมํ โภนฺโต ดังนี้เป็นต้น. ในคาถานั้นคำว่า กณฺหาภิชาติโก
ได้แก่ ผู้เกิดในตระกูลต่ำมีจัณฑาลเป็นต้น. แต่นั้นแม้มาณพเหล่านั้น
ก็เป็นผู้หวังบรรพชา จึงกล่าวคาถาว่า ถ้าชอบใจท่านผู้เจริญอย่างนี้
เป็นต้น. ครั้งนั้น เสลพราหมณ์มีจิตยินดีในมาณพเหล่านั้น และขอให้มาณพ
เหล่านั้น ทูลขอบรรพชา จึงกล่าวคาถาว่า พฺราหฺมณา ดังนี้เป็นต้น.
ต่อแต่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงยังมาณพเหล่านั้นทั้งหมด
ให้บรรพชาเป็นเอหิภิกขุบรรพชา จึงตรัสพระคาถาว่า สฺวากฺขาตํ ดังนี้เป็นต้น
เพราะเสลพราหมณ์ เคยเป็นหัวหน้าของคณะบุรุษ ๓๐๐ คนเหล่านั้นทั้งหมด
 
๒๑/๖๑๒/๓๐๑

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น