ผู้เชื่อเมื่อปักใจเชื่ออาทิผิด อย่างนั้น จักบรรลุถึงอัปปนา. ก็บรรดาสมาธิและปัญญา
ความมีจิตแน่วแน่มีกำลัง ย่อมควรสำหรับผู้บำเพ็ญสมาธิ. เพราะเมื่อเป็น
อย่างนั้น ผู้บำเพ็ญสมาธินั้น. ย่อมบรรลุถึงอัปปนา. ปัญญามีกำลังย่อม
ควรสำหรับท่านผู้บำเพ็ญวิปัสสนา. เพราะเมื่อเป็นอย่างนั้นท่านผู้บำเพ็ญ
วิปัสสนานั้น ย่อมบรรลุการแทงตลอดไตรลักษณ์. ก็แม้สมาธิกับปัญญา
ทั้งสองเท่ากัน ย่อมเป็นอัปปนาแท้. ก็สติมีกำลังในทุกอย่าง ย่อมไม่เสีย
หาย. ก็สติย่อมรักษาจิตไว้มิให้ตามไปในความฟุ้งซ่าน ด้วยอำนาจของ
ศรัทธา ความเพียร และปัญญา อันเป็นปฏิปักษ์ต่อความฟุ้งซ่าน และ
มิให้ตกไปในความเกียจคร้านด้วยสมาธิอันเป็นปฏิปักษ์ต่อความเกียจคร้าน.
เพราะฉะนั้น สตินั้นจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวง เหมือนเกลือกับเครื่อง
เทศต้องใช้ปรุงกับข้าวทุกชนิด และเหมือนอำมาตย์ผู้ชำนาญในสรรพกิจ
จำต้องใช้ในราชการทั้งปวงฉะนั้น. เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ก็แล
สติ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่ามีประโยชน์ทุกอย่าง. ถามว่า เพราะเหตุไร.
ตอบว่า เพราะจิตมีสติเป็นที่พึ่งอาศัย และสติมีการรักษาเป็นเครื่องปรากฏ
เว้นสติเสียแล้ว การประคองและการข่มจิต จะมีไม่ได้ ดังนี้.
การเว้นให้ห่างไกลจากบุคคลผู้มีปัญญาทราม ผู้ไม่มีปัญญาหยั่งลง
ในประเภทแห่งขันธ์เป็นต้น ชื่อว่า เว้นบุคคลผู้มีปัญญาทราม. การเสพ
บุคคลผู้ประกอบด้วยอุทยัพยปัญญา (เห็นเกิดดับ) อันกำหนดพิจารณา
ลักษณะ ๕๐ ถ้วน ชื่อว่า เสพบุคคลผู้มีปัญญา. การพิจารณาประเภท
ของญาณอันลึกซึ้งซึ่งดำเนินไปในขันธ์เป็นต้นอันลึกซึ้ง ชื่อว่า พิจารณา
ความเป็นไปแห่งญาณอันลึกซึ้ง. ความมีจิตน้อมไปเพื่อให้ธัมมวิจย-
สัมโพชฌงค์ตั้งขึ้นในการยืนและการนั่งเป็นต้น ชื่อว่า ความน้อมใจไป
ความมีจิตแน่วแน่มีกำลัง ย่อมควรสำหรับผู้บำเพ็ญสมาธิ. เพราะเมื่อเป็น
อย่างนั้น ผู้บำเพ็ญสมาธินั้น. ย่อมบรรลุถึงอัปปนา. ปัญญามีกำลังย่อม
ควรสำหรับท่านผู้บำเพ็ญวิปัสสนา. เพราะเมื่อเป็นอย่างนั้นท่านผู้บำเพ็ญ
วิปัสสนานั้น ย่อมบรรลุการแทงตลอดไตรลักษณ์. ก็แม้สมาธิกับปัญญา
ทั้งสองเท่ากัน ย่อมเป็นอัปปนาแท้. ก็สติมีกำลังในทุกอย่าง ย่อมไม่เสีย
หาย. ก็สติย่อมรักษาจิตไว้มิให้ตามไปในความฟุ้งซ่าน ด้วยอำนาจของ
ศรัทธา ความเพียร และปัญญา อันเป็นปฏิปักษ์ต่อความฟุ้งซ่าน และ
มิให้ตกไปในความเกียจคร้านด้วยสมาธิอันเป็นปฏิปักษ์ต่อความเกียจคร้าน.
เพราะฉะนั้น สตินั้นจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวง เหมือนเกลือกับเครื่อง
เทศต้องใช้ปรุงกับข้าวทุกชนิด และเหมือนอำมาตย์ผู้ชำนาญในสรรพกิจ
จำต้องใช้ในราชการทั้งปวงฉะนั้น. เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ก็แล
สติ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่ามีประโยชน์ทุกอย่าง. ถามว่า เพราะเหตุไร.
ตอบว่า เพราะจิตมีสติเป็นที่พึ่งอาศัย และสติมีการรักษาเป็นเครื่องปรากฏ
เว้นสติเสียแล้ว การประคองและการข่มจิต จะมีไม่ได้ ดังนี้.
การเว้นให้ห่างไกลจากบุคคลผู้มีปัญญาทราม ผู้ไม่มีปัญญาหยั่งลง
ในประเภทแห่งขันธ์เป็นต้น ชื่อว่า เว้นบุคคลผู้มีปัญญาทราม. การเสพ
บุคคลผู้ประกอบด้วยอุทยัพยปัญญา (เห็นเกิดดับ) อันกำหนดพิจารณา
ลักษณะ ๕๐ ถ้วน ชื่อว่า เสพบุคคลผู้มีปัญญา. การพิจารณาประเภท
ของญาณอันลึกซึ้งซึ่งดำเนินไปในขันธ์เป็นต้นอันลึกซึ้ง ชื่อว่า พิจารณา
ความเป็นไปแห่งญาณอันลึกซึ้ง. ความมีจิตน้อมไปเพื่อให้ธัมมวิจย-
สัมโพชฌงค์ตั้งขึ้นในการยืนและการนั่งเป็นต้น ชื่อว่า ความน้อมใจไป
๓๓/๒๔๖/๒๔๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น