วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 01, 2567

Thi

 
ด้วยการบริจาค ท่านอธิบายว่า ชื่อว่า ปฏินิสฺสคโค เพราะอรรถว่า สละ.
ด้วยบทนี้ เป็นอันท่านกล่าวถึงอรรถแห่งการบริจาคแห่งบทว่า ปฏินิสสัคคะ
เพราะฉะนั้น อธิบายว่า ได้แก่ การละกิเลสทั้งหลาย อนึ่ง ในบทนี้ วิปัสสนา
อัน เป็นวุฏฐานคามินี (ญาณเป็นเครื่องออกไป) ย่อมสละกิเลสทั้งหลายได้โดย
ชั่วคราว มรรคย่อมสละได้โดยเด็ดขาด.
บทว่า รูปนิโรเธ นิพฺพาเน จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ จิตย่อมแล่นไปใน
นิพพานอันเป็นที่อาทิผิด อาณัติกะดับรูป คือ วิปัสสนาอันเป็นวุฏฐานคามินีย่อมแล่นไปเพราะ
น้อมไปในนิพพานนั้น มรรคย่อมแล่นไปด้วยการทำให้เป็นอารมณ์.
บทว่า ปกฺขนฺทนปฏินิสฺสคโค ความสละคืนด้วยการแล่นไป
ท่านอธิบายว่า ชื่อว่า ปฏินิสสัคคะ เพราะอรรถแล่นไป. ด้วยบทที่ท่าน
กล่าวถึงอรรถแห่งความแล่นไปของบทว่า ปฏินิสสัคคะ เพราะฉะนั้น จึงมี
ความว่า ได้แก่ การสละจิตลงในนิพพาน. พึงทราบเรื่องอันมาในพระสูตร
๔ เรื่อง ด้วยสามารถแห่งจตุตถจตุกะ. ในจตุกะนี้ พึงทราบถึงบทที่ควร
กล่าวถึงชราและมรณะโดยนัยดังกล่าวแล้วในหนหลังนั่นแล.
อนึ่ง ในสติปัฏฐานทั้งหลาย พึงทราบว่า ท่านทำการชี้แจงเป็น
เอกวจนะโดยกล่าวถึงกายและจิตเป็นอย่างเดียวว่า กาเย กายานุปสฺสนา
พิจารณากายในกาย จิตฺเต จิตตานุปสฺสนา พิจารณาจิตในจิต ทำการ
ชี้แจงเป็นพหุวจนะ โดยกล่าวถึงความต่าง ๆ กันของเวทนาและธรรมว่า
เวทนาสุ เวทนานุปสฺสนา พิจารณาเวทนาในเวทนาทั้งหลาย ธมฺเมสุ
ธมฺมานุปสฺสนา พิจารณาธรรมในธรรมทั้งหลายด้วยประการฉะนี้.
จบอรรถกถาจตุตถจตุกนิเทศ และ
จบอรรถกถาสโตการญาณนิเทศ
 
๖๙/๔๒๒/๒๒๖

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น