วันศุกร์, กันยายน 06, 2567

Kho Ni

 
ผู้เป็นหลาน ณ ที่ใกล้ประตูถ้ำสูกรขาตา ยืนพัดพระทศพลอยู่ ส่งญาณไปตาม
แนวพระธรรมเทศนา ถึงที่สุดแห่งสาวกบารมีญาณในวันที่ ๑๕ จำเดิมตั้งแต่
วันบวช แทงตลอดญาณ ๖๗ ประการ ถึงปัญญา ๑๖ อย่างโดยลำดับ.
บทว่า ตตฺรีทํ ภิกฺขเว สารีปุตฺตสฺส อนุปทธมฺมวิปสฺสนาย
ความว่า ในการเห็นแจ้งธรรมตามลำดับบทที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ว่า
สารีบุตรเห็นแจ้งธรรมตามลำดับนั้น ข้อนี้อาทิผิด สำหรับพระสารีบุตร. คำนี้ตรัสหมาย
เอาส่วนแห่งวิปัสสนานั้น ๆ ที่จะพึงกล่าวในบัดนี้.
บทว่า ปฐเม ฌาเน ได้แก่ ธรรมเหล่าใดในปฐมฌาน คือในภาย
ในสมาบัติ.
บทว่า ตฺยสฺส แยกเป็น เต อสฺส แปลว่า ธรรมเหล่านั้นเป็น
อันสารีบุตรนี้ (กำหนดได้แล้วตามลำดับบท).
บทว่า อนุปทววตฺถิตา โหนฺติ ความว่า เป็นอันกำหนดได้แล้วคือ
กำหนดตัดได้แล้ว รู้แล้ว รู้แจ้งแล้ว ตามลำดับ คือโดยลำดับ ๆ
ถามว่า พระเถระรู้ธรรมเหล่านั้นได้อย่างไร
ตอบว่า พระเถระตรวจดูธรรมเหล่านั้นแล้วรู้ว่า วิตกมีการยกจิตขึ้น
เป็นลักษณะ เป็นไป. อนึ่ง รู้ว่า วิจารมีการเคล้าอารมณ์เป็นลักษณะ ปีติมี
การซาบซ่านไปเป็นลักษณะ สุขมีความสำราญเป็นลักษณะ เอกัคคตาจิตมี
ความไม่ฟุ้งซ่านเป็นลักษณะ ผัสสะมีการถูกต้องเป็นลักษณะ เวทนามีการเสวย
อารมณ์เป็นลักษณะ. สัญญามีการจำได้เป็นลักษณะ เจตนามีความจงใจเป็น
ลักษณะ. วิญญาณมีความรู้แจ้งเป็นลักษณะ ฉันทะมีความประสงค์จะทำเป็น
ลักษณะ อธิโมกข์มีการน้อมใจเชื่อเป็นลักษณะ วิริยะมีการประคองจิตไว้เป็น
ลักษณะ สติมีการปรากฏเป็นลักษณะ อุเบกขามีความเป็นกลางเป็นลักษณะ
มนสิการมีการใส่ใจด้วยความยินดีเป็นลักษณะเป็นไป. พระสารีบุตรเมื่อรู้อยู่
 
๒๒/๑๖๕/๒๐๗

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น