วันจันทร์, กันยายน 29, 2568

Sawettachat

 
กราบทูลว่า พระองค์ให้จำขังพระราชาผู้มีศีลไว้ในเรือนจำ ด้วย
เหตุนั้น ทุกข์อันนี้จักเกิดขึ้นแก่พระองค์. ราชาโจรนั้นจึงเสด็จไป
ขอขมาพระโพธิสัตว์ ตรัสว่า ราชสมบัติของพระองค์. จะเป็นของ
พระองค์เถิด แล้วทรงมอบราชสมบัติแก่พระเจ้าพาราณสีนั้นแล แล้ว
ทูลว่า ตั้งแต่นี้ไปข้าศึกของพระองค์จงเป็นภาระของหม่อมฉัน ให้ลง
อาญาแก่อำมาตย์ผู้ประทุษร้ายแล้วเสด็จไปยังพระนครของพระองค์เอง
พระโพธิสัตว์ประทับนั่งบนบัลลังก์ซึ่งยกเศวตฉัตรอาทิผิด อักขระขึ้นแล้วในท้อง
พระโรงอันอลงกต เมื่อจะทรงปราศัยกับหมู่อำมาตย์ที่นั่งห้อมล้อมอยู่
จึงได้ตรัสคาถา ๒ คาถาแรกว่า :-
ผู้ใดคบหากับบุคคลผู้ประเสริฐ ผู้นั้น
ชื่อว่าเป็นส่วนอันประเสริฐด้วย เราสมาน-
ไมตรีกับพระยาโจรคนเดียว ก็ปลดเปลื้อง
ท่านทั้งหลายผู้ต้องโทษได้ตั้งร้อยคน.
เพราะฉะนั้น บุคคลคนเดียวสมาน
ไมตรีกับโลกทั้งมวล สิ้นชีพแล้วก็พึงเข้าถึง
สวรรค์ ท่านชาวกาสิกรัฐทั้งหลายจงฟังคำ
ของเราเถิด.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เสยฺยํโส เสยฺยโส โหติ โย
เสยฺยมุปเสวติ ความว่า บุคคลชื่อว่าผู้มีส่วนอันประเสริฐ เพราะ
มีส่วน คือโกฏฐาสอันประเสริฐกล่าวคือธรรมสูงสุดอันหาโทษมิได้
 
๕๘/๔๔๗/๒๕๘

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น