วันจันทร์, ตุลาคม 27, 2568

Muean

 
อายสฺมา นี้เป็นคำกล่าวน่ารัก. บทว่า ติสฺโส เป็นชื่อของพระเถระนั้น
เพราะพระเถระนั้นมีชื่อว่าติสสะ. บทว่า เมตฺเตยฺโย เป็นโคตร. อนึ่ง
พระเมตเตยยะนั้นได้ปรากฏโดยโคตร. เพราะฉะนั้น ในการเกิดของเรื่องนั้น
พระสังคีติกาจารย์จึงกล่าวว่า สหายสองคนชื่อติสสะและเมตเตยยะ. บทว่า
วิฆาตํ คือความคับแค้น. บทว่า พฺรูหิ คือจงตรัสบอก. บทว่า มาริส นี้
เป็นคำกล่าวแสดงความน่ารัก แปลว่า ผู้นิรทุกข์. ท่านอธิบายว่า ไม่มีทุกข์.
บทว่า สุตฺวาน คือฟังคำของพระองค์. บทว่า วิเวเก สิกฺขิสฺสามเส
จักศึกษาในวิเวก พระเมตเตยยะทูลวิงวอนขอให้แสดงธรรม กล่าวปรารภถึง
สหาย. แต่สหายนั้นได้รับการศึกษาดีแล้ว. บทว่า มุสฺสเต วาปิ สาสนํ
ลืมแม้คำสั่งสอน คือลืม ทำลาย คำสั่งสอนแม้สองอย่างจากปริยัติและปฏิบัติ.
บทว่า วาปิ เป็นคำเพียงทำให้เต็มบท. บทว่า เอตํ ตสฺมึ อนาริยํ นี้
เป็นกิจไม่ประเสริฐในบุคคลนั้น คือ นี้เป็นมิจฉาปฏิปทาในบุคคลนั้น.
บทว่า เอโก ปุพฺเพ จริตฺวาน ประพฤติอยู่ผู้เดียวในกาลก่อน
คืออยู่คนเดียวในกาลก่อนด้วยการบรรพชา หรือด้วยการไม่เกี่ยวข้องกับคณะ.
บทว่า ยานํ ภนฺตํว ตํ โลเก หีนมาหุ ปุถุชฺชนํ บัณฑิตทั้งหลาย
กล่าวบุคคลนั้นว่าเป็นคนมีกิเลสมากในโลกเหมือนยานที่แล่นไปฉะนั้น ความว่า
บัณฑิตทั้งหลายกล่าวบุคคลนั้นผู้แล่นไปผิดว่าเป็นคนเลวและเป็นคนมีกิเลสมาก
ท่านกล่าวว่าเหมือนอาทิผิด อักขระยานที่แล่นไปด้วยการขึ้นไปในที่ไม่เรียบมีกายทุจริตเป็นต้น
ด้วยการทำลายตนในนรกเป็นต้น และด้วยการตกลงไปในเหวคือชาติเป็นต้น
เหมือนยานมียานคือช้างเป็นต้นที่ไม่ได้ฝึก ขึ้นไปยังที่ไม่เรียบ ย่อมทำลาย
คนขี่ ย่อมตกลงไปแม้ในเหวฉะนั้น.
บทว่า ยโส กิตฺติ จ ยศและเกียรติ ได้แก่ ลาภสักการะและ
ความสรรเสริญ. บทว่า ปุพฺเพ ในกาลก่อน คือ ในความเป็นบรรพชิต.
 
๔๗/๔๑๔/๗๕๐

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น