จะต้องทำได้ทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว บรรลุประโยชน์ของตนแล้ว
มีสังโยชนธรรมอันจะนำไปเกิดในภพสิ้นแล้ว รู้ชอบจึงพ้นไปได้แล้ว. ภิกษุที่
พ้นจากอาสวะอย่างนี้แล้วแล อัคคิเวสสนะ ประกอบด้วยคุณที่เลิศไม่มีคุณอื่น
จะยิ่งกว่า ๓ ประการ คือ ญาณ เครื่องเห็นอันเลิศไม่มีญาณอื่นจะยิ่งกว่า
อย่าง ๑ ความปฏิบัติอันเลิศไม่มีความปฏิบัติอื่นจะยิ่งกว่าอย่าง ๑ ความพ้นอัน
เลิศไม่มีความพ้นอื่นจะยิ่งกว่าอย่าง ๑ และเธอสักการะเคารพนับถือบูชาพระ
ตถาคตด้วยศรัทธาเลื่อมใสว่าพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นทรงรู้เองแล้ว ทรงแสดง
ธรรมเพื่อสอนผู้อื่นให้รู้ตาม ทรงทรมาน ฝึกพระองค์ก่อนแล้วทรงแสดงธรรม
เพื่อทรมานฝึกสอนผู้อื่น ทรงสงบระงับกองกิเลส (สภาพที่เกิดในใจแล้ว
ทำใจให้เศร้าหมอง) ได้แล้ว ทรงแสดงธรรมเพื่อสอนผู้อื่นให้สงบระงับกอง
กิเลส ทรงข้ามห้วงกิเลสได้แล้ว ทรงแสดงธรรมเพื่อสอนผู้อื่นให้ข้ามห้วง
กิเลส ทรงดับเพลิงกิเลสได้แล้ว ทรงแสดงธรรมเพื่อสอนผู้อื่นให้ดับเพลิง
กิเลส ดังนี้.
[๔๐๓] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว สัจจกะทูลว่า ข้าพเจ้านั่น
เทียว พระโคดม เป็นคนคอยกำจัดคุณ เป็นคนคะนองอาทิผิด สระ วาจา เพราะได้สำคัญถ้อยคำ
ของพระโคดมว่า ตัวอาจจะโต้เถียงได้ด้วยถ้อยคำของตัว บุรุษมาปะทะช้างอันซับมัน
เข้าก็ดี เจอะกองไฟอันกำลังลุกโชนก็ดี กระทบงูที่มีพิษร้ายก็ดี ยังมีเอาตัวรอดได้
บ้าง ก็แต่มาเจอะอาทิผิด พระโคดมเข้าแล้ว ไม่มีเอาตัวรอดได้เลย ข้าพเจ้านั่นเทียว เป็นคน
คอยกำจัดคุณ เป็นคนคะนองอาทิผิด สระ วาจา เพราะได้สำคัญถ้อยคำของพระโคดมว่า ตัวอาจจะ
โต้เถียงได้ด้วยถ้อยคำของตัว. ขอพระโคดมพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จงรับภัตตาหารของ
ข้าพเจ้า เพื่อจะฉันในวันพรุ่งนี้. สัจจกะทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับนิมนต์
แล้ว จึงสั่งเจ้าลิจฉวีเหล่านั้นว่า เจ้าลิจฉวีทั้งหลายจงฟังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้นิมนต์พระ
สมณโคดมพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ เพื่อจะฉันในวันพรุ่งนี้ ท่านจะนำอาหารใดมาเพื่อ
ข้าพเจ้า จงเลือกหาแต่ของที่ควรแก่พระสมณโคดม. ล่วงราตรีนั้นแล้ว เจ้าลิจฉวีเหล่า
มีสังโยชนธรรมอันจะนำไปเกิดในภพสิ้นแล้ว รู้ชอบจึงพ้นไปได้แล้ว. ภิกษุที่
พ้นจากอาสวะอย่างนี้แล้วแล อัคคิเวสสนะ ประกอบด้วยคุณที่เลิศไม่มีคุณอื่น
จะยิ่งกว่า ๓ ประการ คือ ญาณ เครื่องเห็นอันเลิศไม่มีญาณอื่นจะยิ่งกว่า
อย่าง ๑ ความปฏิบัติอันเลิศไม่มีความปฏิบัติอื่นจะยิ่งกว่าอย่าง ๑ ความพ้นอัน
เลิศไม่มีความพ้นอื่นจะยิ่งกว่าอย่าง ๑ และเธอสักการะเคารพนับถือบูชาพระ
ตถาคตด้วยศรัทธาเลื่อมใสว่าพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นทรงรู้เองแล้ว ทรงแสดง
ธรรมเพื่อสอนผู้อื่นให้รู้ตาม ทรงทรมาน ฝึกพระองค์ก่อนแล้วทรงแสดงธรรม
เพื่อทรมานฝึกสอนผู้อื่น ทรงสงบระงับกองกิเลส (สภาพที่เกิดในใจแล้ว
ทำใจให้เศร้าหมอง) ได้แล้ว ทรงแสดงธรรมเพื่อสอนผู้อื่นให้สงบระงับกอง
กิเลส ทรงข้ามห้วงกิเลสได้แล้ว ทรงแสดงธรรมเพื่อสอนผู้อื่นให้ข้ามห้วง
กิเลส ทรงดับเพลิงกิเลสได้แล้ว ทรงแสดงธรรมเพื่อสอนผู้อื่นให้ดับเพลิง
กิเลส ดังนี้.
[๔๐๓] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว สัจจกะทูลว่า ข้าพเจ้านั่น
เทียว พระโคดม เป็นคนคอยกำจัดคุณ เป็นคน
ของพระโคดมว่า ตัวอาจจะโต้เถียงได้ด้วยถ้อยคำของตัว บุรุษมาปะทะช้างอันซับมัน
เข้าก็ดี เจอะกองไฟอันกำลังลุกโชนก็ดี กระทบงูที่มีพิษร้ายก็ดี ยังมีเอาตัวรอดได้
บ้าง ก็แต่มา
คอยกำจัดคุณ เป็นคน
โต้เถียงได้ด้วยถ้อยคำของตัว. ขอพระโคดมพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จงรับภัตตาหารของ
ข้าพเจ้า เพื่อจะฉันในวันพรุ่งนี้. สัจจกะทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับนิมนต์
แล้ว จึงสั่งเจ้าลิจฉวีเหล่านั้นว่า เจ้าลิจฉวีทั้งหลายจงฟังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้นิมนต์พระ
สมณโคดมพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ เพื่อจะฉันในวันพรุ่งนี้ ท่านจะนำอาหารใดมาเพื่อ
ข้าพเจ้า จงเลือกหาแต่ของที่ควรแก่พระสมณโคดม. ล่วงราตรีนั้นแล้ว เจ้าลิจฉวีเหล่า
๑๙/๔๐๓/๘๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น