วันอาทิตย์, สิงหาคม 10, 2568

Apatti

 
กล่าวไว้ว่า อาปตฺติ ปาราชิกสฺส (ต้องอาบัติปาราชิก) ในสิกขาบทนี้
กล่าวว่า อาปตฺติอาทิผิด สระ ปาจิตฺติยสฺส (ต้องอาบัติปาจิตตีย์) ดังนี้. มีความแปลก
กันเพียงในวัตถุและอาบัติอย่างนี้. คำที่เหลือมีลักษณะอย่างเดียวกันแท้แล.
แม้คำเป็นต้นว่า ตีหากาเรหิ ทิฏฺเฐ เวมติโก ก็พึงทราบเนื้อความโดยนัย
ดังกล่าวแล้ว ในวรรณนาบาลีทุฏฐโทสสิกขาบทเป็นต้น อย่างนี้ว่า ทิฏฺฐสฺส
โหติ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชนฺโน ทิฏฺเฐ เวมติโกอาทิผิด อักขระ (ภิกษุผู้โจทก์
นั้นได้เห็นภิกษุผู้ต้องปาราชิกธรรม มีความสงสัยในสิ่งที่ได้เห็น) ดังนี้นั่น แล.
ก็ในสิกขาบทนี้ เพียงแต่คำบาลีเท่านั้น แปลกกัน (จากบาลีจตุตถปาราชิก) .
ส่วนในเนื้อความพร้อมทั้งเถรวาท ไม่มีการแตกต่างอะไรกันเลย.
สองบทว่า สหสา ภณติ ความว่า ภิกษุไม่ได้ไตร่ตรอง หรือ
ไม่ได้ใคร่ครวญ พูดโดยเร็วถึงสิ่งที่ไม่เห็นว่า ข้าพเจ้าเห็น.
คำว่า อญฺญํ ภณิสฺสามีติ อญฺญํอาทิผิด อักขระ ภณติ ความว่า เมื่อตนควร
จะกล่าวคำว่า จีวรํ (จีวร) ไพล่กล่าวว่า จีรํ (นาน) ดังนี้เป็นต้น เพราะ
ความเป็นผู้อ่อนความคิด เพราะเป็นผู้เซอะ เพราะความพลาดพลั้ง. แต่ภิกษุใด
ผู้อันสามเณรเรียนถามว่า ท่านขอรับ ! เห็นอุปัชฌาย์ของกระผมบ้างไหม
ดังนี้ กระทำการล้อเลียน กล่าวว่า อุปัชฌาย์ของเธอจักเทียมเกวียนบรรทุกฟืน
ไปแล้วกระมัง หรือว่า เมื่อสามเณรได้ยินเสียงสุนัขจิ้งจอกแล้ว ถามว่า นี้เสียง
สัตว์อะไร ขอรับ ! กล่าวว่า นี้เสียงของพวกคนผู้ช่วยกันยกล้อที่ติดหล่ม
ของมารดาเธอ ผู้กำลังไปด้วยยาน ดังนี้ อย่างนั้นกล่าวคำอื่นไม่ใช่เพราะเล่น
ไม่ใช่เพราะพลั้ง, ภิกษุนั่น ย่อมต้องอาบัติแท้. ยังมีถ้อยคำอย่างหนึ่ง ชื่อว่า
ปูรณกถา คือ ภิกษุรูปหนึ่ง ได้น้ำมันเล็กน้อยในบ้าน แล้วกลับมาสู่วิหาร
พูดกะสามเณรว่า เธอไปไหนเสีย วันนี้ บ้านมีแต่น้ำมัน อย่างเดียว ดังนี้ ก็ดี
 
๔/๑๘๑/๒๔

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก