ในครั้งนั้น ยังมีคนอีก ๖ คน พร้อมทั้งท่านจึงรวมเป็น ภิกษุ ๗ รูป
เป็นผู้มีความคิดอย่างเดียวกัน เห็นภิกษุเหล่าอื่นไม่กระทำความเคารพในพระ-
ศาสนา จึงคิดกันว่า ในที่นี้ พวกเราจักทำอะไรได้ พวกเราจักบำเพ็ญสมณธรรม
ในที่ส่วนข้างหนึ่ง แล้วจักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ ดังนี้แล้ว จึงผูกบันได ปีน
ขึ้นสู่ยอดเขาสูง พูดกันว่า ผู้ที่รู้กำลังจิตของตน ๆ จักผลักบันไดลง ผู้ที่ยัง
มีความอาลัยในชีวิตจงลงไปเสีย อย่าเป็นผู้ต้องเดือดร้อนในภายหลังเลย ดังนี้
แล้ว ทุกรูปร่วมใจกัน ผลักบันไดลง ต่างโอวาทกันและกันว่า อาวุโสทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาทเถิด แล้วนั่งในที่ ๆ ตนชอบใจ เริ่มบำเพ็ญ
สมณธรรม.
พระเถระบรรลุพระอรหัตผล ในวันที่ ๕ ในที่นั้นแหละ คิดว่า
กิจของเราสำเร็จแล้ว เราจักกระทำอะไรในที่นี้ ดังนี้แล้ว นำบิณฑบาตมาจาก
อุตตรกุรุทวีป ด้วยฤทธิ์ กล่าวว่า อาวุโสทั้งหลาย พวกท่านจงฉันบิณฑบาตนี้
กิจด้วยภิกษาจาร จงเป็นหน้าที่ของเรา พวกท่านจงทำหน้าที่ของตน ๆ เถิด.
ภิกษุทั้งหลาย ถามว่า ดูก่อนอาวุโส พวกเราผลักบันไดอาทิผิด สระ ลง ได้พูดตกลง
กันอย่างนี้ว่า ผู้ใดทำให้แจ้งซึ่งธรรมก่อน ผู้นั้นจงนำอาหารมา ภิกษุที่เหลือ
จะบริโภคอาหารที่นำมาแล้วบำเพ็ญสมณธรรม ดังนี้หรืออย่างไร ? พระเถระ
ตอบว่า ไม่มีข้อตกลงดังนั้นหรอกอาวุโส. ภิกษุทั้งหลายจึงพูดว่า ท่านได้
(บรรลุธรรม) ด้วยบุพเหตุของตน แม้พวกเราทั้งหลายก็จักสามารถทำที่สุด
แห่งทุกข์ได้ ท่านจงไปเถิด ดังนี้. พระเถระเมื่อไม่อาจจะยังภิกษุเหล่านั้นให้
ยินยอมได้ จึงบริโภคบิณฑบาตในที่ ๆ ผาสุกแล้วหลีกไป. พระเถระอีกรูปหนึ่ง
บรรลุอนาคามิผล ในวันที่ ๗ จุติจากภพนั้นแล้ว บังเกิดในพรหมโลกชั้น
สุทธาวาส. พระเถระนอกนี้ จุติจากภพนั้นแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวดาและ
มนุษย์ทั้งหลาย ตลอดกาลพุทธันดรหนึ่ง แล้วต่างเกิดในตระกูลนั้น ๆ ในกาล
เป็นผู้มีความคิดอย่างเดียวกัน เห็นภิกษุเหล่าอื่นไม่กระทำความเคารพในพระ-
ศาสนา จึงคิดกันว่า ในที่นี้ พวกเราจักทำอะไรได้ พวกเราจักบำเพ็ญสมณธรรม
ในที่ส่วนข้างหนึ่ง แล้วจักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ ดังนี้แล้ว จึงผูกบันได ปีน
ขึ้นสู่ยอดเขาสูง พูดกันว่า ผู้ที่รู้กำลังจิตของตน ๆ จักผลักบันไดลง ผู้ที่ยัง
มีความอาลัยในชีวิตจงลงไปเสีย อย่าเป็นผู้ต้องเดือดร้อนในภายหลังเลย ดังนี้
แล้ว ทุกรูปร่วมใจกัน ผลักบันไดลง ต่างโอวาทกันและกันว่า อาวุโสทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาทเถิด แล้วนั่งในที่ ๆ ตนชอบใจ เริ่มบำเพ็ญ
สมณธรรม.
พระเถระบรรลุพระอรหัตผล ในวันที่ ๕ ในที่นั้นแหละ คิดว่า
กิจของเราสำเร็จแล้ว เราจักกระทำอะไรในที่นี้ ดังนี้แล้ว นำบิณฑบาตมาจาก
อุตตรกุรุทวีป ด้วยฤทธิ์ กล่าวว่า อาวุโสทั้งหลาย พวกท่านจงฉันบิณฑบาตนี้
กิจด้วยภิกษาจาร จงเป็นหน้าที่ของเรา พวกท่านจงทำหน้าที่ของตน ๆ เถิด.
ภิกษุทั้งหลาย ถามว่า ดูก่อนอาวุโส พวกเราผลัก
กันอย่างนี้ว่า ผู้ใดทำให้แจ้งซึ่งธรรมก่อน ผู้นั้นจงนำอาหารมา ภิกษุที่เหลือ
จะบริโภคอาหารที่นำมาแล้วบำเพ็ญสมณธรรม ดังนี้หรืออย่างไร ? พระเถระ
ตอบว่า ไม่มีข้อตกลงดังนั้นหรอกอาวุโส. ภิกษุทั้งหลายจึงพูดว่า ท่านได้
(บรรลุธรรม) ด้วยบุพเหตุของตน แม้พวกเราทั้งหลายก็จักสามารถทำที่สุด
แห่งทุกข์ได้ ท่านจงไปเถิด ดังนี้. พระเถระเมื่อไม่อาจจะยังภิกษุเหล่านั้นให้
ยินยอมได้ จึงบริโภคบิณฑบาตในที่ ๆ ผาสุกแล้วหลีกไป. พระเถระอีกรูปหนึ่ง
บรรลุอนาคามิผล ในวันที่ ๗ จุติจากภพนั้นแล้ว บังเกิดในพรหมโลกชั้น
สุทธาวาส. พระเถระนอกนี้ จุติจากภพนั้นแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวดาและ
มนุษย์ทั้งหลาย ตลอดกาลพุทธันดรหนึ่ง แล้วต่างเกิดในตระกูลนั้น ๆ ในกาล
๕๐/๑๔๒/๘๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น