วันพุธ, ธันวาคม 25, 2567

Kilet

 
บทว่า นิราสตฺตี ไม่ทะเยอทะยาน คือไม่มีตัณหา. บทว่า วิเวกทสฺสี
ผสฺเสสุ เป็นผู้เห็นความสงัดในผัสสะทั้งหลาย คือเห็นความสงัดจากความเป็น
ตัวตนเป็นต้นในจักขุสัมผัสเป็นต้นอันเป็นปัจจุบัน. บทว่า ทิฏฺฐีสุ น นิยฺยติ
อันใคร ๆ จะนำไปในทิฏฐิทั้งหลายไม่ได้เลย คือจะนำไปในทิฏฐิไร ๆ ใน
ทิฏฐิ ๖๒ ไม่ได้เลย. บทว่า ปฏิลีโน ปราศจากกิเลสอาทิผิด อักขระ คือ ปราศจากกิเลส
นั้น เพราะละราคะเป็นต้นได้แล้ว. บทว่า อกุหโก ไม่หลอกลวง คือ ไม่
หลอกลวง ด้วยวัตถุหลอกลวง ๓. บทว่า อปิหาลุ คือมีปรกติไม่ทะเยอทะยาน.
ท่านอธิบายว่า เว้นจากความปรารถนาและความอยาก. บทว่า อมจฺฉรี ไม่
ตระหนี่ คือเว้นจากความตระหนี่ ๕ อย่าง. บทว่า อปฺปคพฺโภ ไม่คะนอง
คือเว้นจากความเป็นผู้คะนองกายเป็นต้น. บทว่า อเชคุจฺโฉ ไม่เป็นที่น่า
เกลียด คือ ไม่เป็นที่น่ารังเกียจ คือ ชื่นใจชอบใจ ด้วยความเป็นผู้มีศีลสม-
บูรณ์เป็นต้น. บทว่า เปสุเณยฺเย จ โน ยุโต ไม่ประกอบในคำส่อเสียด
คือ ไม่ประกอบในกรรมคือความส่อเสียดอันควรรวบรวมเข้าด้วยอาการทั้งสอง.
บทว่า สาติเยสุ อนสฺสาวี เว้นจากความชมเชยด้วยความอยากในกามคุณ
ทั้งหลายอันเป็นวัตถุน่ายินดี. บทว่า สณฺโห เป็นผู้ละเอียดอ่อน คือ เป็นผู้
ประกอบด้วยกายกรรมเป็นต้นอันละเอียดอ่อน. บทว่า ปฏิภาณวา มีปฏิภาณ
คือประกอบด้วยปฏิภาณในการเรียน การถามและการบรรลุ. บทว่า น สทฺโธ
ไม่เชื่อใคร ๆ คือไม่เชื่อใคร ๆ ถึงธรรมที่ตนบรรลุแล้วด้วยตนเอง. บทว่า
น วิรชฺชติ ไม่กำหนัด คือ ไม่กำหนัด เพราะสิ้นราคะ เพราะไม่ยินดี. บทว่า
ลาภกมฺยา น สิกฺขต ไม่ศึกษาเพราะใคร่ลาภ คือ ไม่ศึกษาพระสูตรเป็นต้น
 
๔๗/๔๑๗/๗๘๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น