วันศุกร์, ธันวาคม 25, 2563

Kutumphi

 
ในที่สุดอสงไขยกัปยิ่งด้วยแสนกัป นับแต่กัปนี้ ท่านพระสารีบุตร
บังเกิดในครอบครัวพราหมณมหาศาล ชื่อสรทมาณพ. ท่านพระ
โมคคัลลานะบังเกิดในครอบครัวคฤหบดีมหาศาล ชื่อสิริวัฑฒกุฏุมพีอาทิผิด สระ.
ทั้ง ๒ คนเป็นเพื่อนเล่นฝุ่นด้วยกันมา เมื่อบิดาล่วงลับไปสรทมาณพ
ก็ได้ทรัพย์เป็นอันมาก ซึ่งเป็นสมบัติของสกุล วันหนึ่ง อยู่ในที่ลับ
คิดว่า เราไม่รู้อัตภาพในโลกนี้ ไม่รู้อัตภาพในโลกอื่น ขึ้นชื่อว่า
ความตายเป็นของแน่ สำหรับเหล่าสัตว์ที่เกิดมาแล้ว. ควรที่เรา
จะถือบวชสักอย่างหนึ่ง แสวงหาโมกขธรรม. สรทมาณพนั้นไปหาสหาย
กล่าวว่า เพื่อนสิริวัฑฒ์ เราจักบวชแสวงหาโมกขธรรม เจ้าจักบวช
พร้อมกับอาทิผิด อักขระเราได้ไหม. สิริวัฑฒกุฏุมพีอาทิผิด สระตอบว่า ไม่ได้ดอกเพื่อน เจ้าบวช
คนเดียวเถิด. สรทมาณพคิดว่า คนเมื่อไปปรโลก จะพาสหายหรือ
ญาติมิตรไปด้วยหามีไม่ กรรมที่ตนทำก็เป็นของตนผู้เดียว ต่อนั้น
ก็สั่งให้เปิดเรือนคลังรัตนะให้มหาทานแก่คนกำพร้า คนเดินทาง
ไกล วณิพกและยาจกทั้งหลาย แล้วบวชเป็นฤษี. มีคนบวชตาม
สรทมาณพนั้น อย่างนี้คือ คน ๑ ๒ คน ๓ คน กลายเป็นชฏิลจำนวน
ประมาณ ๗๔,๐๐๐ รูป สรทฤษีนั้น ทำอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ให้
บังเกิดแล้ว ก็สอนกสิณบริกรรมแก่ชฏิลเหล่านั้น. ชฎิลเหล่านั้น
ก็ทำอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ให้บังเกิดทุกรูป.
สมัยนั้น พระพุทธเจ้าพระนามว่า อโนมทัสสีทรงอุบัติขึ้น
ในโลก. พระนครชื่อว่า จันทวดี. พระพุทธบิดาเป็นกษัตริย์พระนามว่า
ยศวันตะ. พระพุทธมารดา เป็นพระเทวีพระนามว่า ยโสธรา. ต้นไม้
ที่ตรัสรู้ ชื่อว่าอัชชุนพฤกษ์ ต้นกุ่ม (ต้นรกฟ้าขาวก็ว่า). พระอัครสาวก
 
๓๒/๑๔๖/๒๕๙

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก