บทว่า อสิกฺขิโต ได้แก่ ไม่ศึกษาในธนูศิลป์. บทว่า อกตหตฺโถ ได้แก่
มีมือยังไม่พร้อม โดยการพันมือเป็นต้น. บทว่า อกตโยคฺโค ได้แก่ ยังฝึก
ไม่ชำนาญ ในการกองหญ้ากองดินเป็นต้น. บทว่า อกตุปาสโน ได้แก่
ฝีมือยิงธนูยังมิได้แสดง [ประลอง] ต่อพระราชาและมหาอมาตย์ของพระราชา.
บทว่า ฉมฺภี ได้แก่ มีกายสั่นเทา.
ในบทว่า กามฉนฺโท ปหีโน เป็นต้น กามฉันทะ เป็นอันละได้
ด้วยพระอรหัตมรรค. พยาบาท ละได้ด้วยอนาคามิมรรค. ถีนมิทธะและ
อุทธัจจะ ก็ละได้ด้วยอรหัตมรรคเหมือนกัน กุกกุจจะ ละได้ด้วยมรรคที่ ๓
เหมือนกัน วิจิกิจฉา เป็นอันละได้ด้วยมรรคแรก. บทว่า อเสกฺเขน สีลกฺ-
ขนฺเธน ความว่า สีลขันธ์ของพระอเสกขะ ชื่อว่า สีลขันธ์ ฝ่ายอเสกขะ.
ในบททุกบท ก็นัยนี้. ก็บรรดาบทเหล่านั้น สีลสมาธิปัญญาและวิมุตติ ทั้ง
โลกิยะและโลกุตระ ท่านกล่าวด้วย ๔ บทต้น วิมุตติญาณทัสสนะ ย่อมเป็น
ปัจจเวกขณญาณ ปัจจเวกขณญาณนั้น เป็นโลกิยะเท่านั้น.
บทว่า อิสฺสตฺถํ ได้แก่ ธนูศิลป์. ในบทว่า พลวิริยํ นี้ วาโยธาตุ
ชื่อว่า พละ วิริยะก็คือความเพียรทางกายทางจิต. บทว่า ภเร แปลว่า พึงเลี้ยง.
บทว่า นาสูรํ ชาติปจฺจยา ความว่า ไม่พึงเลี้ยงคนไม่กล้า เพราะถือชาติ
เป็นเหตุ อย่างนี้ว่า ผู้นี้สมบูรณ์ด้วยชาติ.
อธิวาสนขันติ ชื่อว่า ขันติ ในคำว่า ขนฺติโสรจฺจํ นี้. บทว่า
โสรจฺจํ ได้แก่ พระอรหัต. บทว่า ธมฺมา ได้แก่ ธรรมทั้งสองนี้. บทว่า
อสฺสเม แปลว่า ที่อยู่. บทว่า วิวเน แปลว่า ที่เป็นป่า อธิบายว่า พึง
สร้างสระโบกขรณี ๔ เหลี่ยมเป็นต้นในป่าที่ไม่มีน้ำ. บทว่า ทุคฺเค ได้แก่
ในที่ขรุขระอาทิผิด อักขระ . บทว่า สงฺกมนานิ ความว่า พึงทำทางเดิน มีทรายสะอาด
เกลี่ยเรียบ ๕๐-๖๐ ศอก.
มีมือยังไม่พร้อม โดยการพันมือเป็นต้น. บทว่า อกตโยคฺโค ได้แก่ ยังฝึก
ไม่ชำนาญ ในการกองหญ้ากองดินเป็นต้น. บทว่า อกตุปาสโน ได้แก่
ฝีมือยิงธนูยังมิได้แสดง [ประลอง] ต่อพระราชาและมหาอมาตย์ของพระราชา.
บทว่า ฉมฺภี ได้แก่ มีกายสั่นเทา.
ในบทว่า กามฉนฺโท ปหีโน เป็นต้น กามฉันทะ เป็นอันละได้
ด้วยพระอรหัตมรรค. พยาบาท ละได้ด้วยอนาคามิมรรค. ถีนมิทธะและ
อุทธัจจะ ก็ละได้ด้วยอรหัตมรรคเหมือนกัน กุกกุจจะ ละได้ด้วยมรรคที่ ๓
เหมือนกัน วิจิกิจฉา เป็นอันละได้ด้วยมรรคแรก. บทว่า อเสกฺเขน สีลกฺ-
ขนฺเธน ความว่า สีลขันธ์ของพระอเสกขะ ชื่อว่า สีลขันธ์ ฝ่ายอเสกขะ.
ในบททุกบท ก็นัยนี้. ก็บรรดาบทเหล่านั้น สีลสมาธิปัญญาและวิมุตติ ทั้ง
โลกิยะและโลกุตระ ท่านกล่าวด้วย ๔ บทต้น วิมุตติญาณทัสสนะ ย่อมเป็น
ปัจจเวกขณญาณ ปัจจเวกขณญาณนั้น เป็นโลกิยะเท่านั้น.
บทว่า อิสฺสตฺถํ ได้แก่ ธนูศิลป์. ในบทว่า พลวิริยํ นี้ วาโยธาตุ
ชื่อว่า พละ วิริยะก็คือความเพียรทางกายทางจิต. บทว่า ภเร แปลว่า พึงเลี้ยง.
บทว่า นาสูรํ ชาติปจฺจยา ความว่า ไม่พึงเลี้ยงคนไม่กล้า เพราะถือชาติ
เป็นเหตุ อย่างนี้ว่า ผู้นี้สมบูรณ์ด้วยชาติ.
อธิวาสนขันติ ชื่อว่า ขันติ ในคำว่า ขนฺติโสรจฺจํ นี้. บทว่า
โสรจฺจํ ได้แก่ พระอรหัต. บทว่า ธมฺมา ได้แก่ ธรรมทั้งสองนี้. บทว่า
อสฺสเม แปลว่า ที่อยู่. บทว่า วิวเน แปลว่า ที่เป็นป่า อธิบายว่า พึง
สร้างสระโบกขรณี ๔ เหลี่ยมเป็นต้นในป่าที่ไม่มีน้ำ. บทว่า ทุคฺเค ได้แก่
ในที่
เกลี่ยเรียบ ๕๐-๖๐ ศอก.
๒๔/๔๑๐/๕๒๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น