วันอังคาร, กันยายน 02, 2568

Samutthan

 
โรงฉันก็ดี แล้วใคร่จะเที่ยวภิกษาน้ำมัน หรือภิกษาเนยใส. ก็ถ้ามีภิกษุอยู่
ใกล้ ๆ พึงบอกลาก่อนแล้วจึงไป. เมื่อไม่มี พึงไปด้วยใส่ใจว่า ภิกษุไม่มี
ย่างลงสู่ทางแล้วจึงเห็นภิกษุ ไม่มีกิจที่จะต้องบอกลา แม้ไม่บอกลาก็ควรเที่ยว
ไปได้เหมือนกัน. มีทางผ่านไปท่ามกลางบ้าน เมื่อภิกษุเดินไปตามทางนั้น
เกิดความคิดขึ้นว่า เราจักเที่ยวภิกษาน้ำมันเป็นต้น ถ้ามีภิกษุอยู่ใกล้ ๆ พึง
บอกลาก่อนจึงไป. แต่เมื่อไม่แวะออกอาทิผิด จากทางเดินไปไม่มีกิจจำเป็นต้องบอก
ลา. บัณฑิตพึงทราบอุปจารแห่งบ้านที่ไม่ได้ล้อม โดยนัยดังกล่าวแล้วใน
อทินนาทานสิกขาบทนั่นแล.
ในคำว่า อนฺตรารามํ เป็นต้น ไม่ใช่แต่ไม่บอกลาอย่างเดียว, แม้
ภิกษุไม่คาดประคดเอว ไม่ห่มสังฆาฏิไป ก็ไม่เป็นอาบัติ.
บทว่า อาปทาสุ มีความว่า สีหะก็ดี เสือก็ดี กำลังมา, เมฆตั้ง
เค้าขึ้นก็ดี อุปัทวะไร ๆ อย่างอื่นเกิดขึ้นก็ดี ไม่เป็นอาบัติ. ในอันตรายเห็น
ปานนี้ จะไปยังภายในบ้านจากภายนอกบ้าน ควรอยู่. คำที่เหลือในสิกขาบท
นี้ ตื้นทั้งนั้น.
สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐานอาทิผิด อักขระดุจกฐินสิกขาบท เกิดขึ้นทางกายกับวาจา ๑
ทางกายวาจากับจิต ๑ เป็นทั้งกิริยา ทั้งอกิริยา โนสัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ
ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีอาทิผิด อักขระกรรม มีจิต ๓ มีเวทนา ๓ ดังนี้แล.
วิกาเลคามัปปเวสนสิกขาบทที่ ๓ จบ
 
๔/๗๕๐/๘๒๖

วันจันทร์, กันยายน 01, 2568

Kratham

 
การงานทั้งหลายมีเกษตรกรรม โครักขกรรม และพาณิชกรรมเป็นต้น
พึงเว้นแล้วจากการงานที่อากูล นี้การทำเวลาให้ล่วงไป การกระทำที่ไม่สมควร
กระทำ และการกระทำอาทิผิด สระย่อหย่อนเป็นต้น เพราะประกอบด้วยความเป็นผู้
รู้กาล เพราะมีปกติกระทำอาทิผิด สระเหมาะสม เพราะไม่เกียจคร้าน เพราะถึงพร้อม
ด้วยความอุตสาหะและความเพียร และเพราะเป็นการงานที่ไม่เสื่อมเสีย ชื่อว่า
การงานที่ไม่อากูล. การงานที่ไม่อากูลนี้ อันบุคคลประกอบแล้วอย่างนี้ เพราะ
เหตุที่ตนเอง บุตรภรรยา หรือทาส และกรรมกรทั้งหลายเป็นผู้ฉลาด
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เป็นมงคล เพราะเป็นเหตุแห่งการได้ทรัพย์ ข้าว-
เปลือก และความเจริญในปัจจุบันนี้เทียว. สมจริงตามพระดำรัสที่พระผู้มี
พระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
บุคคลผู้มีการงาน กระทำสมควร
เป็นปกติ ขยัน ย่อมหาทรัพย์ได้ ดังนี้.
และว่า
บุคคลที่ชอบนอนหลับกลางวัน ขี้-
เกียจลุกขึ้นกลางคืน เมาเป็นนิตย์ เป็นนัก-
เลง ไม่อาจจะอยู่ครองเรือนให้ดีได้ ประโยชน์
ทั้งหลายย่อมล่วงเลยบุรุษผู้ทอดทิ้งการงาน
ด้วยอ้างเลสว่า เวลานี้หนาวนัก เวลานี้ร้อน
นัก เวลานี้เย็นเสียแล้ว ดังนี้เป็นต้น.
 
๔๗/๓๑๘/๑๖๙