เท่านั้น ท้าวสักกะตอบว่า ดูก่อนพระราชาผู้ใหญ่ สุนัขจักกินเนื้อมนุษย์ที่มิใช่
มิตรของเราเท่านั้น. คนเช่นไร ที่มิใช่มิตรของท่านในที่นี้. คนที่ไม่ยินดีในธรรม
มีความประพฤติไม่เรียบร้อย ชื่อว่าผู้มิอาทิผิด สระ ใช่ มิตร. ขอท่านจงกล่าวลักษณะคน
เหล่านั้นให้เราทราบก่อน.
ลำดับนั้น ท้าวสักกเทวราช เมื่อจะตรัสบอกแก่พระราชา ได้ตรัส
พระคาถาสิบคาถาว่า
ผู้ที่ปฏิญาณตนว่าเป็นสมณะมีบาตรในมือ มี
ศีรษะโล้น คลุมผ้าสังฆาฏิทำ ไร่อาทิผิด อาณัติกะ ไถนาเลี้ยงชีพ คน
เหล่านี้เป็นคนทุศีล มิใช่มิตรของเรา สุนัขของเราจัก
ฆ่ากินเนื้อได้เมื่อใด สุนัขดำจะหลุดจากเชือกห้าเส้น
ไป เมื่อนั้น.
เมื่อใด จักมีหญิงผู้ปฏิญาณตนว่ามีตบะ บวช
มีศีรษะโล้น คลุมผ้าสังฆาฏิเที่ยวบริโภคกามคุณอยู่
เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินหญิงเหล่านั้น.
เมื่อใด ชฎิลทั้งหลายมีหนวดอันยาว มีฟัน
เขลอะ มีศีรษะเกลือกกลั้วด้วยธุลีเที่ยวภิกขาจาร รวม
ทรัพย์ไว้ให้กู้ ชื่นชมยินดีด้วยดอกเบี้ยเลี้ยงชีพ เมื่อ
นั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินชฎิลเหล่านั้น.
เมื่อใด พราหมณ์ทั้งหลายเรียนเวทคือสาวิตติ
ศาสตร์ ยัญญวิธีและยัญญสูตร แล้วรับจ้างบูชายัญ
เมื่อนั้น สุนัขดำเหล่านี้จะหลุดไปกินพราหมณ์เหล่า
นั้น.
มิตรของเราเท่านั้น. คนเช่นไร ที่มิใช่มิตรของท่านในที่นี้. คนที่ไม่ยินดีในธรรม
มีความประพฤติไม่เรียบร้อย ชื่อว่าผู้
เหล่านั้นให้เราทราบก่อน.
ลำดับนั้น ท้าวสักกเทวราช เมื่อจะตรัสบอกแก่พระราชา ได้ตรัส
พระคาถาสิบคาถาว่า
ผู้ที่ปฏิญาณตนว่าเป็นสมณะมีบาตรในมือ มี
ศีรษะโล้น คลุมผ้าสังฆาฏิ
เหล่านี้เป็นคนทุศีล มิใช่มิตรของเรา สุนัขของเราจัก
ฆ่ากินเนื้อได้เมื่อใด สุนัขดำจะหลุดจากเชือกห้าเส้น
ไป เมื่อนั้น.
เมื่อใด จักมีหญิงผู้ปฏิญาณตนว่ามีตบะ บวช
มีศีรษะโล้น คลุมผ้าสังฆาฏิเที่ยวบริโภคกามคุณอยู่
เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินหญิงเหล่านั้น.
เมื่อใด ชฎิลทั้งหลายมีหนวดอันยาว มีฟัน
เขลอะ มีศีรษะเกลือกกลั้วด้วยธุลีเที่ยวภิกขาจาร รวม
ทรัพย์ไว้ให้กู้ ชื่นชมยินดีด้วยดอกเบี้ยเลี้ยงชีพ เมื่อ
นั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินชฎิลเหล่านั้น.
เมื่อใด พราหมณ์ทั้งหลายเรียนเวทคือสาวิตติ
ศาสตร์ ยัญญวิธีและยัญญสูตร แล้วรับจ้างบูชายัญ
เมื่อนั้น สุนัขดำเหล่านี้จะหลุดไปกินพราหมณ์เหล่า
นั้น.
๖๐/๑๖๗๒/๑๗๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น