แทงตลอดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ชน
เหล่านั้น ย่อมแทงตลอดได้ยาก กว่าอาทิผิด อักขระ โดยแท้ ” ดังนี้๑.
ชื่อว่า วิสภาคะ (มีส่วนไม่เสมอกัน) โดยการกำหนดลักษณะของตน
ก็สัจจะ ๒ ข้อแรก ชื่อว่า เป็นสภาคะ เพราะเป็นของลึกซึ้ง ด้วยอรรถว่า
หยั่งลงได้โดยยาก เพราะเป็นโลกีย์ และเพราะความเป็นไปกับอาสวะ ชื่อว่า
เป็นวิสภาคะ เพราะแยกออกโดยเป็นผลและเหตุ และเพราะเป็นธรรมที่ควรรู้.
และเป็นธรรมที่ควรละ (ปริญฺเญยฺยปหาตพฺพกิจ) สัจจะ ๒ แม้ข้างหลัง
ก็เป็นสภาคะ คือมีส่วนเสมอกัน เพราะหยั่งลงได้ยากโดยความเป็นของลึกซึ้ง
เพราะเป็นโลกุตระ และเพราะเป็นอนาสวะ อนึ่ง สัจจะ ๒ ข้อหลังเป็นวิสภาคะ
เพราะแยกเป็นวิสยะและวิสยี๒ และเพราะเป็นสัจฉิกาตัพพะ (ธรรมที่ควรทำ
ให้แจ้ง) และภาเวตัพพะ (ธรรมที่ควรเจริญ) อนึ่ง สัจจะที่ ๑ และที่ ๓ ชื่อว่า
เป็นสภาคะกัน เพราะอ้างถึงผล ชื่อว่า เป็นวิสภาคะกัน เพราะเป็นสังขตะและ
อสังขตะ อนึ่ง สัจจะที่ ๒ และที่ ๔ ชื่อว่า เป็นสภาคะกัน เพราะอ้างถึงเหตุ
ชื่อว่า เป็นวิสภาคะกัน เพราะเป็นกุศลและอกุศลโดยส่วนเดียว ก็สัจจะที่ ๑
และที่ ๔ ชื่อว่าเป็นสภาคะกัน เพราะเป็นสังขตะ ชื่อว่าเป็นวิสภาคะกัน
เพราะเป็นโลกิยะ และโลกุตระ ก็สัจจะที่ ๒ ที่ ๓ เป็นสภาคะกันโดยเป็น
เนวเสกขานาเสกขา และชื่อว่า เป็นวิสภาคะ เพราะเป็นสารัมมณะ และ
อนารัมมณะ (มีอารมณ์และไม่มีอารมณ์).
อิติ เอวํ ปกาเรหิ นเยหิ จ วิจกฺขโณ
วิชญฺญา อริยสจฺจานํ สภาควิสภาคตํ
บัณฑิตผู้ฉลาด พึงรู้แจ้งความที่
อริยสัจทั้งหลายเป็นสภาคะ (มีส่วนเสมอกัน)
๑. สํ. มหาวาร เล่ม ๑๙ ๑๗๓๘/๕๖๖ ๒. วิสยะในที่นี้คือนิโรธ วิสยีคือมรรค.
เหล่านั้น ย่อมแทงตลอดได้
ชื่อว่า วิสภาคะ (มีส่วนไม่เสมอกัน) โดยการกำหนดลักษณะของตน
ก็สัจจะ ๒ ข้อแรก ชื่อว่า เป็นสภาคะ เพราะเป็นของลึกซึ้ง ด้วยอรรถว่า
หยั่งลงได้โดยยาก เพราะเป็นโลกีย์ และเพราะความเป็นไปกับอาสวะ ชื่อว่า
เป็นวิสภาคะ เพราะแยกออกโดยเป็นผลและเหตุ และเพราะเป็นธรรมที่ควรรู้.
และเป็นธรรมที่ควรละ (ปริญฺเญยฺยปหาตพฺพกิจ) สัจจะ ๒ แม้ข้างหลัง
ก็เป็นสภาคะ คือมีส่วนเสมอกัน เพราะหยั่งลงได้ยากโดยความเป็นของลึกซึ้ง
เพราะเป็นโลกุตระ และเพราะเป็นอนาสวะ อนึ่ง สัจจะ ๒ ข้อหลังเป็นวิสภาคะ
เพราะแยกเป็นวิสยะและวิสยี๒ และเพราะเป็นสัจฉิกาตัพพะ (ธรรมที่ควรทำ
ให้แจ้ง) และภาเวตัพพะ (ธรรมที่ควรเจริญ) อนึ่ง สัจจะที่ ๑ และที่ ๓ ชื่อว่า
เป็นสภาคะกัน เพราะอ้างถึงผล ชื่อว่า เป็นวิสภาคะกัน เพราะเป็นสังขตะและ
อสังขตะ อนึ่ง สัจจะที่ ๒ และที่ ๔ ชื่อว่า เป็นสภาคะกัน เพราะอ้างถึงเหตุ
ชื่อว่า เป็นวิสภาคะกัน เพราะเป็นกุศลและอกุศลโดยส่วนเดียว ก็สัจจะที่ ๑
และที่ ๔ ชื่อว่าเป็นสภาคะกัน เพราะเป็นสังขตะ ชื่อว่าเป็นวิสภาคะกัน
เพราะเป็นโลกิยะ และโลกุตระ ก็สัจจะที่ ๒ ที่ ๓ เป็นสภาคะกันโดยเป็น
เนวเสกขานาเสกขา และชื่อว่า เป็นวิสภาคะ เพราะเป็นสารัมมณะ และ
อนารัมมณะ (มีอารมณ์และไม่มีอารมณ์).
อิติ เอวํ ปกาเรหิ นเยหิ จ วิจกฺขโณ
วิชญฺญา อริยสจฺจานํ สภาควิสภาคตํ
บัณฑิตผู้ฉลาด พึงรู้แจ้งความที่
อริยสัจทั้งหลายเป็นสภาคะ (มีส่วนเสมอกัน)
๑. สํ. มหาวาร เล่ม ๑๙ ๑๗๓๘/๕๖๖ ๒. วิสยะในที่นี้คือนิโรธ วิสยีคือมรรค.
๗๗/๑๗๐/๓๑๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น