บทว่า สริตานิ คือแผ่ซ่านไป ได้แก่ซึมซาบไป.
บทว่า สิเนหิตานิ จ ความว่า และเปื้อนตัณหาเพียงดังยางเหนียว
ด้วยอำนาจตัณหาเพียงดังยางเหนียว อันเป็นไปในบริขาร มีจีวรเป็นต้น,
อธิบายว่า อันยางเหนียวคือตัณหาฉาบทาแล้ว.
บทว่า โสมนสฺสานิ ความว่า โสมนัสทั้งหลายเห็นปานนั้น ย่อม
มีแก่สัตว์ผู้เป็นไปในอำนาจตัณหา.
สองบทว่า เต สาตสิตา ความว่า บุคคลเหล่านั้น คือผู้เป็นไป
ในอำนาจแห่งตัณหา เป็นผู้อาศัยความสำราญ คืออาศัยความสุขนั่นเอง
จึงเป็นผู้แสวงหาความสุข คือเป็นผู้เสาะหาความสุข.
บทว่า เต เว เป็นต้น ความว่า เหล่านระผู้เห็นปานนี้ย่อมเข้าถึง
ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตายแท้ ฉะนั้นจึงเป็นผู้ชื่อว่า
เข้าถึงชาติและชรา.
บทว่า ปชา เป็นต้น ความว่า สัตว์เหล่านี้เป็นผู้อันตัณหาที่ถึง
ซึ่งอันนับว่า “ ตสิณา ” (ความดิ้นรน) เพราะทำซึ่งความสะดุ้งแวดล้อม
คือห้อมล้อมแล้ว.
บทว่า พาธิโต ความว่า (สัตว์เหล่านั้น) ย่อมกระเสือกกระสน
คือ หวาดกลัว ดุจกระต่ายอาทิผิด อาณัติกะ ตัวที่นายพรานดักได้ในป่าฉะนั้น.
บทว่าสํโยชนสงฺคสตฺตา ความว่า สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้อันสังโยชน์
๑๐ อย่าง และกิเลสเรื่องข้องคือราคะเป็นต้นผูกไว้แล้ว หรือเป็นผู้ติด
แล้วในสังโยชน์เป็นต้นนั้น.
บทว่า สิเนหิตานิ จ ความว่า และเปื้อนตัณหาเพียงดังยางเหนียว
ด้วยอำนาจตัณหาเพียงดังยางเหนียว อันเป็นไปในบริขาร มีจีวรเป็นต้น,
อธิบายว่า อันยางเหนียวคือตัณหาฉาบทาแล้ว.
บทว่า โสมนสฺสานิ ความว่า โสมนัสทั้งหลายเห็นปานนั้น ย่อม
มีแก่สัตว์ผู้เป็นไปในอำนาจตัณหา.
สองบทว่า เต สาตสิตา ความว่า บุคคลเหล่านั้น คือผู้เป็นไป
ในอำนาจแห่งตัณหา เป็นผู้อาศัยความสำราญ คืออาศัยความสุขนั่นเอง
จึงเป็นผู้แสวงหาความสุข คือเป็นผู้เสาะหาความสุข.
บทว่า เต เว เป็นต้น ความว่า เหล่านระผู้เห็นปานนี้ย่อมเข้าถึง
ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตายแท้ ฉะนั้นจึงเป็นผู้ชื่อว่า
เข้าถึงชาติและชรา.
บทว่า ปชา เป็นต้น ความว่า สัตว์เหล่านี้เป็นผู้อันตัณหาที่ถึง
ซึ่งอันนับว่า “ ตสิณา ” (ความดิ้นรน) เพราะทำซึ่งความสะดุ้งแวดล้อม
คือห้อมล้อมแล้ว.
บทว่า พาธิโต ความว่า (สัตว์เหล่านั้น) ย่อมกระเสือกกระสน
คือ หวาดกลัว ดุจ
บทว่า
๑๐ อย่าง และกิเลสเรื่องข้องคือราคะเป็นต้นผูกไว้แล้ว หรือเป็นผู้ติด
แล้วในสังโยชน์เป็นต้นนั้น.
๔๓/๓๔/๒๘๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น