วันพฤหัสบดี, มกราคม 16, 2568

Wa

 
อธิบายในคาถานี้ว่า ในภพหลังสุดคือในชาติสุดท้าย เราได้เป็น
เผ่าพันธุ์ของพราหมณ์ คือเกิดในตระกูลพราหมณ์. บทว่า มหาโภคํ
ฉฑฺเฑตฺวาน ความว่า เราทิ้งกองโภคทรัพย์ใหญ่ เหมือนก้อนเขฬะ
บวชคือปฏิบัติเป็นบรรพชิต ได้แก่เป็นผู้เว้นจากกรรมมีกสิกรรมและ
พาณิชกรรมเป็นต้น คือบวชเป็นดาบส.
พรรณนาปฐมภาณวารจบบริบูรณ์

บทว่า อชฺฌายโก ฯ เป ฯ มุนึ โมเน สมาหิตํ ความว่า ญาณ
เรียกว่าโมนะ, ผู้ประกอบด้วยโมนะนั้น ชื่อว่ามุนี, ผู้มีจิตตั้งคือตั้งลง
โดยชอบ ชื่อว่าตั้งมั่นในโมนะนั้น. ชื่อว่านาค เพราะไม่กระทำบาปคือ
โทษ ได้แก่พระอัสสชิเถระ, ซึ่งพระมหานาคนั้นผู้ไพโรจน์ เหมือนดอก
ปทุมอันแย้มบานดีแล้วฉะนั้น.
บทว่า ทิสฺวา เม ฯ เปฯ ปุจฺฉิตุํ อมตํ ปทํ มีเนื้อความง่ายๆ
ทั้งนั้น.
บทว่า วีถินฺตเร เชื่อมความว่า เราเข้าไป คือไปใกล้พระเถระนั้น
ผู้ถึงแล้วโดยลำดับ คือผู้ถึงพร้อมแล้ว ได้แก่เข้าไปแล้วในระหว่างถนน
แล้วจึงถาม.
บทว่าอาทิผิด อาณัติกะ กีทิสํ เต มหาวีร เชื่อมความว่า ข้าแต่มหาวีระผู้บรรลุ
พระอรหัต ในการประกาศพระธรรมจักรครั้งแรก ในระหว่างพระ-
อรหันต์ทั้งหลายในศาสนาของบุรุษผู้มีปัญญาทรงจำได้ทั้งสิ้น ข้าแต่ท่านผู้
มียศใหญ่ เพราะเป็นผู้มากด้วยบริวารอันเกิดตามมา พระพุทธเจ้าของท่าน
 
๗๐/๓/๔๖๘

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก