วันศุกร์, มกราคม 10, 2568

Aratthana

 
ได้นามว่าเป็นญาติกัน ควรจะสมัครสมานสามัคคีร่วมใจกัน
เพราะว่าเมื่อพระญาติทั้งหลาย ยังสามัคคีกันอยู่ หมู่ปัจจามิตร
ย่อมไม่ได้โอกาส อย่าว่าแต่หมู่มนุษย์เลย แม้ต้นไม้ทั้งหลาย
อันหาเจตนามิได้ ยังควรจะได้ความสามัคคีกัน เพราะในอดีตกาล
ที่หิมวันตประเทศ มหาวาตภัยรุกรานป่ารัง แต่เพราะป่ารังนั้น
เกี่ยวประสานกันและกันแน่นขนัดไปด้วยลำต้น กอพุ่มและ
ลดาวัลย์ ไม่อาจจะให้ต้นไม้แม้ต้นเดียวโค่นลงได้ พัดผ่านไป
ตามยอด ๆ เท่านั้น แต่ได้พัดเอาไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ที่ขึ้นอยู่บนเนิน
แม้จะสมบูรณ์ด้วยกิ่งก้าน ค่าคบอาทิผิด อักขระไม้ล้มลงที่พื้นดิน ถอนราก
ถอนโคนขึ้น เพราะไม่เกี่ยวประสานกันกับต้นไม้อื่น ๆ ด้วยเหตุนี้
จึงควรที่พวกท่านทั้งหลาย จะสมัครสมานสามัคคีร่วมใจกัน
อันพระญาติเหล่านั้น กราบทูลอาราธนาอาทิผิด สระ จึงทรงนำเรื่องในอดีต
มาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี ท้าวเวสสวรรณอาทิผิด อักขระมหาราชที่ทรงอุบัติพระองค์แรก
จุติ ท้าวสักกะทรงตั้งท้าวเวสสวรรณองค์ใหม่ ในคราวเปลี่ยน-
แปลงท้าวเวสสวรรณนี้ ท้าวเวสสวรรณองค์หลัง ส่งข่าวไปแก่
หมู่เทพยดาว่า จงจับจองต้นไม้ กอไผ่ พุ่มไม้ และลดาวัลย์
เป็นวิมานในสถานที่อันพอใจแห่งตน ๆ เถิด. ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์
เสวยพระชาติเป็นรุกขเทวดา ณ ป่ารังแห่งหนึ่ง ในหิมวันตประเทศ
 
๕๖/๗๔/๒๐๐

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก