ว่า เราจักวางก้อนที่เกินลงในบาตรของพระอิสิทัตตเถระ แต่มือหมุนกลับไป
ใส่ลงในบาตรของพระมหาโสณเถระ. พระอิสิทัตตเถระกล่าวว่า กรรมอันให้
ซึ่งผล ในเพราะก้อนมะกล่ำและกล้วยป่า ในสมัยมีภัยแต่พราหมณ์ ชื่อว่า
ติสสะ จักปรากฏผลมีประมาณเพียงไร เพราะการถึงพร้อมแห่งเทศกาล ดังนี้
แล้วพระเถระทั้งสองก็ฉันก้อนเหล่านั้นด้วยกัน ได้ไปสู่ที่อยู่แล้ว. แม้ทาริกานั้น
ก็บอกมารดาและบิดาผู้มาจากป่าว่า พระเถระทั้งสองมาแล้ว และที่เป็นที่อยู่
เพื่อพระเถระทั้งสองนั้น ฉันก็บอกแล้ว ดังนี้. มารดาและบิดาแม้ทั้งสองนั้น
ไปสู่สำนักของพระเถระทั้งสอง ไหว้แล้วรับปฏิญาณ (ให้สัญญา) ด้วยคำว่า
ข้าอาทิผิด อักขระ แต่ ท่านผู้เจริญ พวกโยมย่อมได้ซึ่งสิ่งใดมา โยมก็จักบำรุงพระคุณเจ้าทั้งสอง
ด้วยสิ่งนั้น ดังนี้. แม้พระเถระทั้งหลายก็อาศัยชนเหล่านั้นอยู่แล้วตลอดกาลมี
ภัยทั้งปวง.
ครั้นเมื่อโจรชื่อติสสะผู้เป็นพราหมณ์ตายแล้ว ปิตุมหาราชก็ยังราชบุรุษ
ให้ยกฉัตรขึ้น. ภิกษุสงฆ์จากฝั่งสมุทรโน้น ฟังว่า ภัยสงบแล้ว ชนบทสมบูรณ์
แล้ว ดังนี้ ก็ข้ามมาด้วยเรือที่ท่าเรือชื่อว่ามหาติตถะ และได้ถามหา พระ-
มหาโสณเถระ ว่า พระมหาโสณเถระอยู่ที่ไหน ดังนี้ แล้วได้ไปสู่สำนักของ
พระเถระ. พระเถระ (มหาโสณเถระ) มีภิกษุสงฆ์ห้าร้อยเป็นบริวาร บรรลุ
ถึงวิหารชื่อ มัณฑลาราม ในบ้าน กาลกะ. ในสมัยนั้น มีตระกูลอาศัย
อยู่ในบ้านกาลกะ ๗๐๐ ตระกูล ในเวลากลางคืนเทวดาทั้งหลายเที่ยวไปบอกแก่
พวกมนุษย์ทั้งหลายว่า พระมหาโสณเถระผู้มีภิกษุเป็นบริวารห้าร้อยมาถึงมัณฑ-
ลารามวิหารแล้ว ขอชนบ้านหนึ่ง ๆ จงถวายอาหารบิณฑบาตอันเป็นของมีค่า
ควรแก่กหาปณะหนึ่ง ๆ กับด้วยผ้าสาฎกใหม่ ดังนี้. ก็ในวันรุ่งขึ้น พระเถระ
ทั้งหลายเข้าไปสู่บ้านกาลกะ เพื่อบิณฑบาต. มนุษย์ทั้งหลายนิมนต์ให้นั่งแล้ว
ใส่ลงในบาตรของพระมหาโสณเถระ. พระอิสิทัตตเถระกล่าวว่า กรรมอันให้
ซึ่งผล ในเพราะก้อนมะกล่ำและกล้วยป่า ในสมัยมีภัยแต่พราหมณ์ ชื่อว่า
ติสสะ จักปรากฏผลมีประมาณเพียงไร เพราะการถึงพร้อมแห่งเทศกาล ดังนี้
แล้วพระเถระทั้งสองก็ฉันก้อนเหล่านั้นด้วยกัน ได้ไปสู่ที่อยู่แล้ว. แม้ทาริกานั้น
ก็บอกมารดาและบิดาผู้มาจากป่าว่า พระเถระทั้งสองมาแล้ว และที่เป็นที่อยู่
เพื่อพระเถระทั้งสองนั้น ฉันก็บอกแล้ว ดังนี้. มารดาและบิดาแม้ทั้งสองนั้น
ไปสู่สำนักของพระเถระทั้งสอง ไหว้แล้วรับปฏิญาณ (ให้สัญญา) ด้วยคำว่า
ด้วยสิ่งนั้น ดังนี้. แม้พระเถระทั้งหลายก็อาศัยชนเหล่านั้นอยู่แล้วตลอดกาลมี
ภัยทั้งปวง.
ครั้นเมื่อโจรชื่อติสสะผู้เป็นพราหมณ์ตายแล้ว ปิตุมหาราชก็ยังราชบุรุษ
ให้ยกฉัตรขึ้น. ภิกษุสงฆ์จากฝั่งสมุทรโน้น ฟังว่า ภัยสงบแล้ว ชนบทสมบูรณ์
แล้ว ดังนี้ ก็ข้ามมาด้วยเรือที่ท่าเรือชื่อว่ามหาติตถะ และได้ถามหา พระ-
มหาโสณเถระ ว่า พระมหาโสณเถระอยู่ที่ไหน ดังนี้ แล้วได้ไปสู่สำนักของ
พระเถระ. พระเถระ (มหาโสณเถระ) มีภิกษุสงฆ์ห้าร้อยเป็นบริวาร บรรลุ
ถึงวิหารชื่อ มัณฑลาราม ในบ้าน กาลกะ. ในสมัยนั้น มีตระกูลอาศัย
อยู่ในบ้านกาลกะ ๗๐๐ ตระกูล ในเวลากลางคืนเทวดาทั้งหลายเที่ยวไปบอกแก่
พวกมนุษย์ทั้งหลายว่า พระมหาโสณเถระผู้มีภิกษุเป็นบริวารห้าร้อยมาถึงมัณฑ-
ลารามวิหารแล้ว ขอชนบ้านหนึ่ง ๆ จงถวายอาหารบิณฑบาตอันเป็นของมีค่า
ควรแก่กหาปณะหนึ่ง ๆ กับด้วยผ้าสาฎกใหม่ ดังนี้. ก็ในวันรุ่งขึ้น พระเถระ
ทั้งหลายเข้าไปสู่บ้านกาลกะ เพื่อบิณฑบาต. มนุษย์ทั้งหลายนิมนต์ให้นั่งแล้ว
๗๘/๘๔๘/๗๒๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น