มุ่งหมายกล่าว ดูก่อนพราหมณ์ เปรียบเหมือนฟองไข่ ๘ ฟอง
๑๐ ฟอง หรือ ๑๒ ฟอง ฟองไข่เหล่านั้น แม่ไก่กกดีแล้ว อบดีแล้ว
ฟักดีแล้ว บรรดาลูกไก่เหล่านั้น ลูกไก่ตัวใดทำลายกะเปาะฟอง
ด้วยเล็บเท้าหรือด้วยจะงอยปากออกมาได้โดยสวัสดีก่อนกว่าเขา
ลูกไก่ตัวนั้นควรเรียกว่ากระไร จะเรียกว่าพี่หรือน้อง.
ว. ท่านพระโคดม ควรเรียกว่าพี่ เพราะมันแก่กว่าเขา.
พ. ดูก่อนพราหมณ์ ฉันนั้นเหมือนกันแล บรรดาหมู่สัตว์
ผู้ตกอยู่ในอำนาจอวิชชา เกิดในฟอง อันกะเปาะฟองหุ้มห่อแล้ว
เราผู้เดียวเท่านั้นได้ทำลายกะเปาะฟอง คือ อวิชชา แล้วได้ตรัสรู้
อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก เราแลเป็นผู้เจริญที่สุด ประเสริฐ
ที่สุดของโลก เพราะเราปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน ดำรงสติ
มั่นไม่ฟั่นเฟือน กายสงบไม่กระสับกระส่าย จิตดำรงมั่นเป็น
เอกัคคตา เรานั้นแล สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก
มีวิจาร มีปีติ และสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เราบรรลุทุติยฌานมีความ
ผ่องใสแห่งจิต ณ ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มี
วิจาร เพราะวิตก วิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เรามี
อุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะ
ปีติสิ้นไป บรรลุตติยอาทิผิด อักขระ ฌาน ที่พระอริยทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้
ฌานนี้ เป็นผู้มีสติอยู่เป็นสุข เราบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่
มีสุข. เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสก่อน ๆ ได้ มีอุเบกขา
เป็นต้นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์
ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อนควรแก่การงาน ตั้งมั่น
๑๐ ฟอง หรือ ๑๒ ฟอง ฟองไข่เหล่านั้น แม่ไก่กกดีแล้ว อบดีแล้ว
ฟักดีแล้ว บรรดาลูกไก่เหล่านั้น ลูกไก่ตัวใดทำลายกะเปาะฟอง
ด้วยเล็บเท้าหรือด้วยจะงอยปากออกมาได้โดยสวัสดีก่อนกว่าเขา
ลูกไก่ตัวนั้นควรเรียกว่ากระไร จะเรียกว่าพี่หรือน้อง.
ว. ท่านพระโคดม ควรเรียกว่าพี่ เพราะมันแก่กว่าเขา.
พ. ดูก่อนพราหมณ์ ฉันนั้นเหมือนกันแล บรรดาหมู่สัตว์
ผู้ตกอยู่ในอำนาจอวิชชา เกิดในฟอง อันกะเปาะฟองหุ้มห่อแล้ว
เราผู้เดียวเท่านั้นได้ทำลายกะเปาะฟอง คือ อวิชชา แล้วได้ตรัสรู้
อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก เราแลเป็นผู้เจริญที่สุด ประเสริฐ
ที่สุดของโลก เพราะเราปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน ดำรงสติ
มั่นไม่ฟั่นเฟือน กายสงบไม่กระสับกระส่าย จิตดำรงมั่นเป็น
เอกัคคตา เรานั้นแล สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก
มีวิจาร มีปีติ และสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เราบรรลุทุติยฌานมีความ
ผ่องใสแห่งจิต ณ ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มี
วิจาร เพราะวิตก วิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เรามี
อุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะ
ปีติสิ้นไป บรรลุ
ฌานนี้ เป็นผู้มีสติอยู่เป็นสุข เราบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่
มีสุข. เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสก่อน ๆ ได้ มีอุเบกขา
เป็นต้นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์
ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อนควรแก่การงาน ตั้งมั่น
๓๗/๑๐๑/๓๓๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น