บรรลุมรรคสุข และผลสุข. ก็เพราะได้ความสุข ฉะนั้นแม้เราปรารถนาความสุข
นั้นก็พึงรักษาหญ้ามุงกระต่ายไว้ บุรุษผู้เข้าสงครามอาทิผิด อักขระ ไม่ยอมถอย เพื่อจะให้รู้
ว่าตนไม่ถอย จึงผูกหญ้ามุงกระต่ายไว้บนศีรษะที่ธงหรือที่อาวุธ ท่านจงจำเรา
ว่ามารนี้ยังนำไปอยู่ น่าติเตียน ชีวิตของเราผู้แพ้ เสนาของท่าน เพราะฉะนั้น
ท่านจงจำไว้อย่างนี้ว่า สงฺคาเม เม มตํ เสยฺโย ยญฺเจ ชีเว ปราชิโต
เราตายเสียในสงครามอาทิผิด อักขระ ยังดีกว่า แพ้แล้วเป็นอยู่จะดีได้อย่างไร อธิบายว่า เรา
ตายเสียในสงครามกับท่านผู้ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติชอบ ดีกว่าแพ้แล้วมีชีวิตอยู่.
หากมีคำถามว่า เพราะเหตุไร จึงว่าตายดีกว่า. ตอบว่า เพราะ
สมณพราหมณ์บางพวกหยั่งลงไปแล้วในเสนาของท่านย่อมไม่ปรากฏ ส่วนผู้มี
วัตรงามย่อมไปโดยหนทางที่ชนทั้งหลายไม่รู้. อธิบายว่า สมณพราหมณ์
บางพวกหยั่งลงไปแล้ว คือ จมลงไปแล้ว เข้าไปแล้วในเสนาของท่านอันมี
วัตถุกามเป็นเบื้องต้น มีการยกตนข่มผู้อื่นเป็นที่สุดย่อมไม่ปรากฏ คือย่อมไม่
ประกาศด้วยคุณทั้งหลายมีศีลเป็นต้น ดุจเข้าไปสู่ที่มืด สมณพราหมณ์เหล่านี้
หยั่งลงไปแล้วอย่างนี้ บางครั้งก็โผล่ขึ้นโดยนัยมีอาทิว่า สาหุ สทฺธา ดุจบุรุษ
โผล่ขึ้นในบางครั้งแล้วจมลงฉะนั้น. อนึ่ง ผู้มีวัตรงามมีพระพุทธเจ้า พระปัจ-
เจกพุทธเจ้าเป็นต้นแม้ทั้งปวง ย่อมไปโดยหนทางที่ชนทั้งหลายไม่รู้ เพราะถูก
เสนานั้นครอบงำไว้ อันได้แก่ไปสู่พระนิพพานอันเป็นแดนเกษม.
ฝ่ายมารฟังคาถานี้แล้ว ไม่พูดอะไร ๆ แล้วก็หลีกไป. ก็เมื่อมารนั้น
หลีกไปแล้ว พระมหาสัตว์ยังไม่บรรลุธรรมวิเศษอย่างใด เพราะบำเพ็ญทุกร-
กิริยานั้น ทรงดำริต่อไปว่า จะพึงมีทางอื่นเพื่อการตรัสรู้หรือหนอ ทรงให้นำ
นั้นก็พึงรักษาหญ้ามุงกระต่ายไว้ บุรุษผู้เข้า
ว่าตนไม่ถอย จึงผูกหญ้ามุงกระต่ายไว้บนศีรษะที่ธงหรือที่อาวุธ ท่านจงจำเรา
ว่ามารนี้ยังนำไปอยู่ น่าติเตียน ชีวิตของเราผู้แพ้ เสนาของท่าน เพราะฉะนั้น
ท่านจงจำไว้อย่างนี้ว่า สงฺคาเม เม มตํ เสยฺโย ยญฺเจ ชีเว ปราชิโต
เราตายเสียใน
ตายเสียในสงครามกับท่านผู้ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติชอบ ดีกว่าแพ้แล้วมีชีวิตอยู่.
หากมีคำถามว่า เพราะเหตุไร จึงว่าตายดีกว่า. ตอบว่า เพราะ
สมณพราหมณ์บางพวกหยั่งลงไปแล้วในเสนาของท่านย่อมไม่ปรากฏ ส่วนผู้มี
วัตรงามย่อมไปโดยหนทางที่ชนทั้งหลายไม่รู้. อธิบายว่า สมณพราหมณ์
บางพวกหยั่งลงไปแล้ว คือ จมลงไปแล้ว เข้าไปแล้วในเสนาของท่านอันมี
วัตถุกามเป็นเบื้องต้น มีการยกตนข่มผู้อื่นเป็นที่สุดย่อมไม่ปรากฏ คือย่อมไม่
ประกาศด้วยคุณทั้งหลายมีศีลเป็นต้น ดุจเข้าไปสู่ที่มืด สมณพราหมณ์เหล่านี้
หยั่งลงไปแล้วอย่างนี้ บางครั้งก็โผล่ขึ้นโดยนัยมีอาทิว่า สาหุ สทฺธา ดุจบุรุษ
โผล่ขึ้นในบางครั้งแล้วจมลงฉะนั้น. อนึ่ง ผู้มีวัตรงามมีพระพุทธเจ้า พระปัจ-
เจกพุทธเจ้าเป็นต้นแม้ทั้งปวง ย่อมไปโดยหนทางที่ชนทั้งหลายไม่รู้ เพราะถูก
เสนานั้นครอบงำไว้ อันได้แก่ไปสู่พระนิพพานอันเป็นแดนเกษม.
ฝ่ายมารฟังคาถานี้แล้ว ไม่พูดอะไร ๆ แล้วก็หลีกไป. ก็เมื่อมารนั้น
หลีกไปแล้ว พระมหาสัตว์ยังไม่บรรลุธรรมวิเศษอย่างใด เพราะบำเพ็ญทุกร-
กิริยานั้น ทรงดำริต่อไปว่า จะพึงมีทางอื่นเพื่อการตรัสรู้หรือหนอ ทรงให้นำ
๔๗/๓๕๕/๔๐๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น