ท่านขอรับ ขอนิมนต์พระภิกษุ ๕๐๐ รูป ท่านก็กล่าวว่า ฉันรับ
สำหรับภิกษุที่เหลือเว้นพระจุลลปัณฐกะ พระจุลลปัณฐกะได้ฟัง
คำนั้นก็โทมนัสเหลือประมาณ พระศาสดาทรงเห็นพระจุลลปัณถกะ
ร้องไห้อยู่ ทรงดำริว่า จุลลปัณฐกะเมื่อเราไปจักตรัสรู้ จึงเสด็จ
ไปแสดงพระองค์ในที่ที่ไม่ไกลแล้วตรัสว่า ปัณฐกะ เธอร้องไห้
ทำไม
ป.พี่ชายขับไล่ข้าพระองค์พระเจ้าข้า
พ.ปัณฐกะ พี่ชายของเธอไม่มีอาสยานุสยญาณสำหรับ
บุคคลอื่น เธอชื่อว่าพุทธเวไนยบุคคล ดังนี้ ทรงบันดาลอาทิผิด สระ ฤทธิ์มอบผ้า
ชิ้นเล็ก ๆ ที่สะอาดผืนหนึ่งประทานตรัสว่า ปัณฐกะ เธอจงเอา
ผ้าผืนนี้ภาวนาว่า รโชหรณํ รโชหรณํ ดังนี้.
ท่านนั่งเอามือคลำผ้าท่อนเล็กที่พระศาสดาประทานนั้น
ภาวนาว่า รโชหรณํ รโชหรณํ เมื่อท่านลูบคลำอยู่ (เช่นนั้น) ผ้าผืน
นั้นก็เศร้าหมอง เมื่อท่านลูบอาทิผิด สระ คลำ อยู่บ่อย ๆ ก็กลายเป็นเหมือนผ้า
เช็ดหม้อข้าว ท่านอาศัยความแก่กล้าแห่งญาณ เริ่มตั้งความสิ้นไป
และความเสื่อมไปในผ้านั้น คิดว่า ท่อนผ้านี้โดยปกติสะอาดบริสุทธิ์
เพราะอาศัยอุปาทินนกสรีระ จึงเศร้าหมอง แม้จิตนี้ก็มีคติเป็น
อย่างนี้เหมือนกัน แล้วเจริญสมาธิกระทำรูปาวจรฌาน ๔ ให้ปรากฏ
บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาแล้ว ท่านเป็นผู้ได้ฌานด้วย
มโนมยิทธินั่นเอง สามารถทำคนคนเดียวเป็นหลายคนได้ หลายคน
ก็สามารถทำให้เป็นคนเดียวได้ ก็พระไตรปิฎกและอภิญญา ๖
มาถึงท่านพร้อมกับพระอรหัตมรรคนั่นแหละ
สำหรับภิกษุที่เหลือเว้นพระจุลลปัณฐกะ พระจุลลปัณฐกะได้ฟัง
คำนั้นก็โทมนัสเหลือประมาณ พระศาสดาทรงเห็นพระจุลลปัณถกะ
ร้องไห้อยู่ ทรงดำริว่า จุลลปัณฐกะเมื่อเราไปจักตรัสรู้ จึงเสด็จ
ไปแสดงพระองค์ในที่ที่ไม่ไกลแล้วตรัสว่า ปัณฐกะ เธอร้องไห้
ทำไม
ป.พี่ชายขับไล่ข้าพระองค์พระเจ้าข้า
พ.ปัณฐกะ พี่ชายของเธอไม่มีอาสยานุสยญาณสำหรับ
บุคคลอื่น เธอชื่อว่าพุทธเวไนยบุคคล ดังนี้ ทรง
ชิ้นเล็ก ๆ ที่สะอาดผืนหนึ่งประทานตรัสว่า ปัณฐกะ เธอจงเอา
ผ้าผืนนี้ภาวนาว่า รโชหรณํ รโชหรณํ ดังนี้.
ท่านนั่งเอามือคลำผ้าท่อนเล็กที่พระศาสดาประทานนั้น
ภาวนาว่า รโชหรณํ รโชหรณํ เมื่อท่านลูบคลำอยู่ (เช่นนั้น) ผ้าผืน
นั้นก็เศร้าหมอง เมื่อท่าน
เช็ดหม้อข้าว ท่านอาศัยความแก่กล้าแห่งญาณ เริ่มตั้งความสิ้นไป
และความเสื่อมไปในผ้านั้น คิดว่า ท่อนผ้านี้โดยปกติสะอาดบริสุทธิ์
เพราะอาศัยอุปาทินนกสรีระ จึงเศร้าหมอง แม้จิตนี้ก็มีคติเป็น
อย่างนี้เหมือนกัน แล้วเจริญสมาธิกระทำรูปาวจรฌาน ๔ ให้ปรากฏ
บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาแล้ว ท่านเป็นผู้ได้ฌานด้วย
มโนมยิทธินั่นเอง สามารถทำคนคนเดียวเป็นหลายคนได้ หลายคน
ก็สามารถทำให้เป็นคนเดียวได้ ก็พระไตรปิฎกและอภิญญา ๖
มาถึงท่านพร้อมกับพระอรหัตมรรคนั่นแหละ
๓๒/๑๔๖/๓๔๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น