วันอังคาร, กันยายน 03, 2567

Sing

 
หัตถาจารย์คิดว่า ทั่วชมพูทวีป ช้างที่ได้ชื่อว่าฝึกดีแล้ว เช่นกับ
พระยาช้างนี้ไม่มีเลย ก็แต่พระราชาพระองค์นี้ มีพระประสงค์
ให้ช้างนั้นตกเขาตายเป็นแน่ไม่ต้องสงสัย คิดแล้วก็กระซิบที่
ใกล้หูว่า พ่อเอ๋ย พระราชานี้ประสงค์จะให้เจ้าตกเขาตายเสีย
เจ้าไม่คู่ควรแก่ท้าวเธอ ถ้าเจ้ามีกำลังพอจะไปทางอากาศได้
ก็จงพาเราผู้นั่งบนหลัง เหาะขึ้นสู่อาทิผิด อักขระเวหาไปสู่พระนครพาราณสี
เถิด พระมหาสัตว์ถึงพร้อมด้วยบุญฤทธิ์ ได้ยืนอยู่ในอากาศ
ในขณะนั้นเอง นายหัตถาจารย์กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ช้างนี้
ถึงพร้อมด้วยบุญฤทธิ์ ไม่คู่ควรแก่คนมีบุญน้อย ปัญญาทราม
เช่นพระองค์ คู่ควรแก่พระราชาผู้เป็นบัณฑิต ถึงพร้อมด้วยบุญ
ขึ้นชื่อว่า คนบุญน้อยเช่นพระองค์ ถึงได้พาหนะเช่นนี้ ก็มิได้
รู้คุณของมัน รังแต่จะยังพาหนะนั้น และยศสมบัติที่เหลือ ให้
ฉิบหายไปฝ่ายเดียว ทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่บนคอช้าง กล่าวคาถานี้
ความว่า :-
“ ผู้มีปัญญาทราม ได้ยศแล้ว ย่อม
ประพฤติสิ่งอาทิผิด สระที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ย่อม
ปฏิบัติเพื่อความเบียดเบียนตนและคนอื่น”
ดังนี้.
ในคาถานั้น มีความสังเขปดังนี้ ข้าแต่มหาราชเจ้า คนโง่ ๆ
คือคนที่ไร้ปัญญาเช่นพระองค์ ได้บริวารสมบัติแล้ว ย่อมประพฤติ
ความฉิบหายแก่ตน เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่า คนโง่ ๆ นั้น
 
๕๖/๑๒๒/๔๗๒

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก