ครั้งนั้น เราจับไม้กวาด กวาดอาศรม
ปักไม้สี่อันทำเป็นมณฑป
เราเอาดอกรังมามุงอาทิผิด อักขระ มณฑป เราเป็นผู้มีจิต
เลื่อมใส โสมนัส ได้ถวายบังคมพระผู้นำโลกแล้ว
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธะ
ที่ชนทั้งหลายกล่าวกันว่า มีพระปัญญาดังแผ่นดิน
มีพระปัญญาดี ประทับนั่ง ณ ท่ามกลางพระภิกษุ
สงฆ์ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้
เทวดาทั้งปวงทราบว่าพระพุทธเจ้าจะ
เปล่งวาจา จึงพากันมาประชุมด้วยคิดว่า พระพุทธ
เจ้าผู้ประเสริฐสุด มีพระจักษุ จะทรงแสดงพระ
ธรรมเทศนาโดยไม่ต้องสงสัย
พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุเมธะ ผู้สม-
ควรรับเครื่องบูชา ประทับนั่งในหมู่เทวดา ได้ตรัส
พระคาถาดังต่อไปนี้
ผู้ใดทรงมณฑป มีดอกรังเป็นเครื่องมุง
แก่เราตลอด ๗ วัน เราพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้ง
หลายจงฟังเรากล่าว
ผู้นั้น เกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ จักเป็น
ผู้มีผิวพรรณเหมือนทองคำ จักมีโภคทรัพย์
ล้นเหลือ บริโภคกาม
ช้างมาตังคะ ๖ หมื่นเชือกประดับด้วย
เครื่องอาภรณ์ทุกชนิด รัดปะคน และพานหน้า
ปักไม้สี่อันทำเป็นมณฑป
เราเอาดอกรังมา
เลื่อมใส โสมนัส ได้ถวายบังคมพระผู้นำโลกแล้ว
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธะ
ที่ชนทั้งหลายกล่าวกันว่า มีพระปัญญาดังแผ่นดิน
มีพระปัญญาดี ประทับนั่ง ณ ท่ามกลางพระภิกษุ
สงฆ์ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้
เทวดาทั้งปวงทราบว่าพระพุทธเจ้าจะ
เปล่งวาจา จึงพากันมาประชุมด้วยคิดว่า พระพุทธ
เจ้าผู้ประเสริฐสุด มีพระจักษุ จะทรงแสดงพระ
ธรรมเทศนาโดยไม่ต้องสงสัย
พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุเมธะ ผู้สม-
ควรรับเครื่องบูชา ประทับนั่งในหมู่เทวดา ได้ตรัส
พระคาถาดังต่อไปนี้
ผู้ใดทรงมณฑป มีดอกรังเป็นเครื่องมุง
แก่เราตลอด ๗ วัน เราพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้ง
หลายจงฟังเรากล่าว
ผู้นั้น เกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ จักเป็น
ผู้มีผิวพรรณเหมือนทองคำ จักมีโภคทรัพย์
ล้นเหลือ บริโภคกาม
ช้างมาตังคะ ๖ หมื่นเชือกประดับด้วย
เครื่องอาภรณ์ทุกชนิด รัดปะคน และพานหน้า
๗๒/๑/๒
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น