วันเสาร์, กันยายน 06, 2568

Sisa

 
ร้อยครั้ง.
ขณะนั้นนางสิริมารู้สึกว่าตนเป็นหญิงภายนอกจึงคิดว่า เราราดเนยใส
ที่เดือดบนศีรษะอาทิผิด อักขระหญิงผู้นี้ เพราะเหตุเพียงสามีหัวเราะ กระทำกรรมหนักแล้ว
หญิงผู้นี้ไม่สั่งทาสีจับเรา แม้เวลาที่พวกทาสีทำร้ายเราก็ยังห้ามปรามทาสี
ทุกคน ได้กระทำสิ่งที่ควรทำอาทิผิด สระแก่เราทีเดียว ถ้าเราไม่ขอขมาอาทิผิด อักขระนาง ศีรษะ
ของเราก็คงจะแตก ๗ เสี่ยง จึงหมอบลงใกล้เท้าอุตตราธิดานั้นกล่าวว่า
แม่นาย โปรดอดโทษแก่ดีฉันเถิด. อุตตราธิดากล่าวว่า เราเป็นธิดามีบิดา
เมื่อบิดาของเราอดโทษ เราก็จะอดโทษให้ นางสิริมากล่าวว่า สุดแต่แม่
นายเถิด ดีฉันจะให้ปุณณเศรษฐีบิดาของท่านอดโทษให้ อุตตราธิดา
กล่าวว่า ท่านปุณณเศรษฐีเป็นชนกบิดาในวัฏฏะของดีฉัน แต่เมื่อชนก-
บิดาในวิวัฏฏะอดโทษแล้ว ดีฉันจึงจะอดโทษให้. นางสิริมาถามว่า ก็ใคร
เล่าเป็นชนกบิดาในวิวัฏฏะของท่าน. นางตอบว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า.
นางสิริมากล่าวว่า ดีฉันไม่คุ้นกับพระองค์นี้ ดีฉันจะทำอย่างไรเล่า ?
นางอุตตราธิดากล่าวว่า พรุ่งนี้ พระศาสดาจักทรงพาภิกษุสงฆ์มาในที่นี้
เธอก็จงถือสักการะตามแต่จะได้มาในที่นี้นี่แหละ จงให้พระองค์งดโทษ
ให้. นางสิริมากล่าวว่า ดีละแม่เจ้า แล้วก็ลุกขึ้นไปเรือนตนสั่งหญิงรับใช้
๕๐๐ คน จัดแจงของเคี้ยวของกินและกับข้าวต่าง ๆ รุ่งขึ้นก็ถือสักการะ
นั้นมายังเรือนของนางสิริมา ไม่อาจจะวางของลงในบาตรของภิกษุสงฆ์
มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขได้ จึงยืนอยู่ นางอุตตราธิดาก็รับของนั้นมา
ทั้งหมดแล้วจัดการให้.
ครั้นพระศาสดาเสวยเสร็จ ฝ่ายนางสิริมาพร้อมกับบริวารก็หมอบลง
แทบเบื้องบาทพระศาสดา. ขณะนั้น พระศาสดาตรัสถามนางว่า เจ้ามีความ
 
๔๘/๑๕/๑๑๖

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก