คนไปบอก ขึ้นชื่อว่า อาหารที่สุกแล้วนี้ เมื่อจะตั้งอยู่นานตลอดไป พึงตั้งอยู่
ได้เพียง ๗ วัน แท้จริง ของนี้จะพึงเป็นของที่เราจัด ไว้ตลอดชีวิต พระองค์
ก็ทรงทำให้พินาศเสียสิ้น พระผู้มีพระภาคเจ้านี้ไม่ทรงหวังดีต่อเราเสียเลย.
เมื่อพระทศพลยังทรงพระชนม์อยู่ จึงไม่อาจกล่าวอะไร ๆ ได้. ได้ยินว่า พระ
สุภัททะนั้นคิดอย่างนี้ว่า พระมหาบุรุษนี้ บวชจากตระกูลสูง ถ้าเราพูดอะไรไป
ก็จักทรงคุกคามเราผู้เดียว. พอได้ฟังว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้นี้นั้น ปรินิพพาน
แล้วในวันนี้ ก็ร่าเริงยินดีประดุจได้ลมหายใจ จึงกล่าวอย่างนี้. พระเถระฟังคำ
นั้นแล้ว มิได้สำคัญว่าประหนึ่งถูกประหารที่หทัย ประหนึ่งฟ้าปราศจากเมฆ
ผ่าลงบนกระหม่อม. แต่พระเถระเกิดธรรมสังเวช. พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพาน
ได้เพียง ๗ วัน แม้วันนี้ พระสรีระของพระองค์ มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ก็ยังดำรงอยู่ทีเดียว. กากบาปเสี้ยนหนามอันใหญ่เกิดขึ้นเร็วอย่างนี้ในพระศาสนา
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนำมาด้วยทุกข์ยาก ก็คนบาปนี้ นี้เมื่อเติบโต ได้คน
อื่นเห็นบาปนั้นเป็นพรรคพวก ก็อาจจะทำพระศาสนาให้เสื่อมถอยได้.
ลำดับนั้น พระเถระคิดว่า ก็ถ้าเราจักให้หลวงตาผู้นี้นุ่งผ้าเก่า เอาขี้เถ้า
โรยศีรษะ ขับไล่ไป. ผู้คนทั้งหลายก็จะพากันยกโทษพวกเราว่า เมื่อพระสรีระ
ของพระสมณโคดมยังคงอยู่ เหล่าสาวกก็วิวาทกัน เพราะฉะนั้น เราจึงอดกลั้น
ไว้ก่อน ก็ธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว ก็เสมือนกองดอกไม้ที่ยังไม่ได้
ควบคุม ในธรรมที่ทรงแสดงแล้วนั้น เปรียบเหมือนดอกไม้ทั้งหลายที่ต้องลม
ย่อมกระจัดกระจายไป ฉันใด สิกขาบท ๑-๒ สิกขาบทในวินัยก็จักพินาศ
ปัญหาวาระ ๑-๒ วาระ ในสูตรก็จักพินาศ ภูมิอื่น ๑-๒ ภูมิ ในอภิธรรม
ก็จักพินาศ ในเมื่อเวลาล่วงไป ๆ ด้วยอำนาจบุคคลชั่วเห็นบาปนี้ ก็ฉันนั้น
เหมือนกัน. เมื่อมูลรากพินาศไปอย่างนี้ พวกเราก็จักเป็นเสมือนปีศาจ. เพราะ
ฉะนั้น เราจำจักต้องสังคายนาธรรมวินัยเมื่ออาทิผิด อักขระ เป็นดังนี้ ธรรมนี้ วินัยนี้ ก็จัก
ได้เพียง ๗ วัน แท้จริง ของนี้จะพึงเป็นของที่เราจัด ไว้ตลอดชีวิต พระองค์
ก็ทรงทำให้พินาศเสียสิ้น พระผู้มีพระภาคเจ้านี้ไม่ทรงหวังดีต่อเราเสียเลย.
เมื่อพระทศพลยังทรงพระชนม์อยู่ จึงไม่อาจกล่าวอะไร ๆ ได้. ได้ยินว่า พระ
สุภัททะนั้นคิดอย่างนี้ว่า พระมหาบุรุษนี้ บวชจากตระกูลสูง ถ้าเราพูดอะไรไป
ก็จักทรงคุกคามเราผู้เดียว. พอได้ฟังว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้นี้นั้น ปรินิพพาน
แล้วในวันนี้ ก็ร่าเริงยินดีประดุจได้ลมหายใจ จึงกล่าวอย่างนี้. พระเถระฟังคำ
นั้นแล้ว มิได้สำคัญว่าประหนึ่งถูกประหารที่หทัย ประหนึ่งฟ้าปราศจากเมฆ
ผ่าลงบนกระหม่อม. แต่พระเถระเกิดธรรมสังเวช. พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพาน
ได้เพียง ๗ วัน แม้วันนี้ พระสรีระของพระองค์ มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ก็ยังดำรงอยู่ทีเดียว. กากบาปเสี้ยนหนามอันใหญ่เกิดขึ้นเร็วอย่างนี้ในพระศาสนา
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนำมาด้วยทุกข์ยาก ก็คนบาปนี้ นี้เมื่อเติบโต ได้คน
อื่นเห็นบาปนั้นเป็นพรรคพวก ก็อาจจะทำพระศาสนาให้เสื่อมถอยได้.
ลำดับนั้น พระเถระคิดว่า ก็ถ้าเราจักให้หลวงตาผู้นี้นุ่งผ้าเก่า เอาขี้เถ้า
โรยศีรษะ ขับไล่ไป. ผู้คนทั้งหลายก็จะพากันยกโทษพวกเราว่า เมื่อพระสรีระ
ของพระสมณโคดมยังคงอยู่ เหล่าสาวกก็วิวาทกัน เพราะฉะนั้น เราจึงอดกลั้น
ไว้ก่อน ก็ธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว ก็เสมือนกองดอกไม้ที่ยังไม่ได้
ควบคุม ในธรรมที่ทรงแสดงแล้วนั้น เปรียบเหมือนดอกไม้ทั้งหลายที่ต้องลม
ย่อมกระจัดกระจายไป ฉันใด สิกขาบท ๑-๒ สิกขาบทในวินัยก็จักพินาศ
ปัญหาวาระ ๑-๒ วาระ ในสูตรก็จักพินาศ ภูมิอื่น ๑-๒ ภูมิ ในอภิธรรม
ก็จักพินาศ ในเมื่อเวลาล่วงไป ๆ ด้วยอำนาจบุคคลชั่วเห็นบาปนี้ ก็ฉันนั้น
เหมือนกัน. เมื่อมูลรากพินาศไปอย่างนี้ พวกเราก็จักเป็นเสมือนปีศาจ. เพราะ
ฉะนั้น เราจำจักต้องสังคายนาธรรมวินัย
๑๓/๑๖๒/๔๕๒
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น