ทรงยกขึ้นแสดงเอง. ส่วนแม้เทศนาธรรม ก็สงเคราะห์เข้าในบทว่า ธมฺเม นี้
เหมือนกัน เพราะความที่เทศนาธรรมนั้นเป็นอุบายให้สัตว์เข้าถึงพระธรรม.
พระเถระกล่าว บทว่า ปทํ สนฺตํ หมายถึงพระนิพพาน. ก็ภิกษุ
เห็นปานนี้ ย่อมบรรลุ คือประสบสันตบทอันเป็นส่วนสงบระงับแล้ว ได้แก่
พระนิพพาน ที่ชื่อเป็นที่เข้าสงบระงับสังขาร เพราะเข้าไปสงบระงับดับสังขาร
ทั้งปวงได้ ชื่อว่าเป็นสุข เพราะเป็นสุขอย่างยิ่ง.
อธิบายว่า ภิกษุผู้มีศีลบริสุทธิ์ ผู้มากไปด้วยความปราโมทย์ เพราะ
ไม่มีวิปฏิสาร เป็นผู้หมั่นขวนขวายในพระสัทธรรมย่อมประสบสมบัติทุกอย่าง
มีวิมุตติเป็นปริโยสาน. สมดังคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้มีอาทิว่า ดูก่อน
อานนท์ ศีลที่เป็นฝ่ายกุศล มีความไม่เดือดร้อนเป็นผลแล ความไม่เดือดร้อน
ย่อมเป็นไปเพื่อความปราโมทย์ ดังนี้.
อีกอย่างหนึ่ง บทว่า ปามุชฺชพหุโล ความว่า เป็นผู้มากไปด้วย
ความชื่นบาน โดยมุ่งถึงพระรัตนตรัยว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ตรัสรู้เอง
โดยชอบ พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว พระสงฆ์ปฏิบัติดีแล้ว
ดังนี้. เพื่อจะเลี่ยงคำถามที่อาจมีขึ้นว่า ผู้นั้นมากไปด้วยความปราโมทย์ใน
อะไร ? หรือการทำอะไร ? พระเถระจึงอาทิผิด สระ กล่าว บาทคาถามีอาทิว่า ธมฺเม
พุทฺธปฺปเวทิเต ในธรรมอันพระพุทธเจ้าประกาศดีแล้ว ดังนี้. อธิบายว่า
สมบัติทั้งหลาย ย่อมอยู่ในเงื้อมมือของผู้ที่สมบูรณ์ด้วยศรัทธา โดยการเกิดขึ้น
โดยง่ายแห่ง (จักร ๔) คือ สัปปุริสูปสังเสวนะ การคบหาสัตบุรุษ ๑ สัท-
ธัมมัสสวนะ การฟังธรรมของสัตบุรุษ ๑ โยนิโสมนสิการ การกระทำไว้
ในใจโดยแยบคาย ๑ ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑.
สมดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า ผู้เกิดศรัทธาแล้ว ย่อมเข้าไปหา เมื่อเข้าไปหา ย่อม
เข้าไปนั่งใกล้ ดังนี้เป็นต้น .
จบอรรถกถาจูฬวัจฉเถรคาถา
เหมือนกัน เพราะความที่เทศนาธรรมนั้นเป็นอุบายให้สัตว์เข้าถึงพระธรรม.
พระเถระกล่าว บทว่า ปทํ สนฺตํ หมายถึงพระนิพพาน. ก็ภิกษุ
เห็นปานนี้ ย่อมบรรลุ คือประสบสันตบทอันเป็นส่วนสงบระงับแล้ว ได้แก่
พระนิพพาน ที่ชื่อเป็นที่เข้าสงบระงับสังขาร เพราะเข้าไปสงบระงับดับสังขาร
ทั้งปวงได้ ชื่อว่าเป็นสุข เพราะเป็นสุขอย่างยิ่ง.
อธิบายว่า ภิกษุผู้มีศีลบริสุทธิ์ ผู้มากไปด้วยความปราโมทย์ เพราะ
ไม่มีวิปฏิสาร เป็นผู้หมั่นขวนขวายในพระสัทธรรมย่อมประสบสมบัติทุกอย่าง
มีวิมุตติเป็นปริโยสาน. สมดังคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้มีอาทิว่า ดูก่อน
อานนท์ ศีลที่เป็นฝ่ายกุศล มีความไม่เดือดร้อนเป็นผลแล ความไม่เดือดร้อน
ย่อมเป็นไปเพื่อความปราโมทย์ ดังนี้.
อีกอย่างหนึ่ง บทว่า ปามุชฺชพหุโล ความว่า เป็นผู้มากไปด้วย
ความชื่นบาน โดยมุ่งถึงพระรัตนตรัยว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ตรัสรู้เอง
โดยชอบ พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว พระสงฆ์ปฏิบัติดีแล้ว
ดังนี้. เพื่อจะเลี่ยงคำถามที่อาจมีขึ้นว่า ผู้นั้นมากไปด้วยความปราโมทย์ใน
อะไร ? หรือการทำอะไร ? พระเถระ
พุทฺธปฺปเวทิเต ในธรรมอันพระพุทธเจ้าประกาศดีแล้ว ดังนี้. อธิบายว่า
สมบัติทั้งหลาย ย่อมอยู่ในเงื้อมมือของผู้ที่สมบูรณ์ด้วยศรัทธา โดยการเกิดขึ้น
โดยง่ายแห่ง (จักร ๔) คือ สัปปุริสูปสังเสวนะ การคบหาสัตบุรุษ ๑ สัท-
ธัมมัสสวนะ การฟังธรรมของสัตบุรุษ ๑ โยนิโสมนสิการ การกระทำไว้
ในใจโดยแยบคาย ๑ ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑.
สมดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า ผู้เกิดศรัทธาแล้ว ย่อมเข้าไปหา เมื่อเข้าไปหา ย่อม
เข้าไปนั่งใกล้ ดังนี้เป็นต้น .
จบอรรถกถาจูฬวัจฉเถรคาถา
๕๐/๑๔๘/๑๑๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น