วันศุกร์, ตุลาคม 08, 2564

Thing

 
ความอาลัย ควรละทิ้งร่างกายอันเปื่อยเน่า เข้าไปยังนครคือพระอมต-
นิพพาน ฉันนั้น.
อนึ่ง ธรรมดานายเรือไม่มีความอาลัยทิ้งเรือลำเก่าคร่ำคร่าไป ฉันใด
แม้เราก็ละทิ้งร่างกายนี้อันมีของไม่สะอาดไหลออกทางปากแผลทั้ง ๙ แห่ง
ไม่มีความห่วงใย เข้าไปยังนิพพานบุรี ฉันนั้น.
อนึ่ง บุคคลพกพาเอารัตนะต่าง ๆ เดินทางไปกับพวกโจร เพราะ
กลัวรัตนะของตนจะฉิบหาย จึงทิ้งอาทิผิด สระพวกโจรนั้นเสีย แล้วเดินทางที่ปลอดภัย
ฉันใด กรัชกายแม้นี้ก็เป็นเสมือนโจรปล้นรัตนะ ฉันนั้น.
ถ้าเราจักกระทำความอยากไว้ในกรัชกายนี้ ธรรมรัตนะคืออริยมรรค
กุศลของเราจักพินาศไป เพราะฉะนั้น เราละทิ้งกายนี้อันเสมือนกับโจร
แล้วเข้าไปยังนคร คือพระอมตมหานิพพาน จึงจะควร. ด้วยเหตุนั้น
ท่านจึงกล่าวว่า
บุรุษปลดเปลื้องซากศพที่น่าเกลียด ซึ่งผูกไว้ที่คอออกเสีย
แล้วไป มีความสุขอยู่อย่างเสรีโดยลำพังตนเองได้ฉันใด คน
ก็ควรละทิ้งร่างกายเน่าที่มากมูลด้วยซากศพนานาชนิด ไม่มี
อาลัย ไม่มีความต้องการไปเสีย ฉันนั้น.
ชายหญิงทั้งหลายถ่ายกรีสลงในที่ถ่ายอุจจาระ เป็นผู้ไม่
อาลัย ไม่ต้องการไปเสีย ฉันใด เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน จะ
ละทิ้งร่างกายนี้ อันเต็มด้วยซากศพนานาชนิด แล้วไปเสีย
เหมือนคนถ่ายอุจจาระแล้วละทิ้งส้วมไป ฉันนั้น.
เจ้าของละทิ้งเรือเก่าคร่ำคร่าผุพัง น้ำรั่วเข้าไปได้ ไม่มี
ความอาลัย ไม่มีความต้องการไปเสีย ฉันใด เราก็ฉันนั้น
 
๗๐/๑/๑๙

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก