วันอังคาร, ตุลาคม 08, 2567

Rua

 
นกกระเรียน เมื่อผัวจมลงสู่สมุทรกล่าวคือน้ำเค็ม ตายเสียแล้ว ก็ย่อมว้าเหว่
คร่ำครวญอยู่ฉะนั้นแล.
สุมุขหงส์ได้สดับคำนั้นแล้ว จึงคิดว่า พญาหงส์นี้เป็นผู้สมควรที่จะ
สั่งสอนผู้อื่น มาพร่ำรำพันไปด้วยอำนาจกิเลส เพราะอาศัยมาตุคาม เกิด
เป็นประหนึ่งเวลาที่น้ำมีอาการร้อน และเป็นประหนึ่งเวลาที่นาอันไม่มีรั้วอาทิผิด อักขระล้อม
กั้น ถ้ากระไรเราพึงประกาศโทษมาตุคาม ด้วยกำลังแห่งญาณของตน พึงยัง
พญาหงส์นี้ให้รู้สึก จึงได้กล่าวคาถาว่า
การที่พระองค์เป็นใหญ่กว่าโลกคือหงส์ ใคร ๆ
ไม่สามารถจะประมาณคุณได้ เป็นครูของหมู่คณะใหญ่
พึงตามเศร้าโศกถึงหญิงคนเดียวอย่างนี้ เหมือนไม่ใช่
ความประพฤติของผู้มีปัญญา ลมย่อมพัดพานทั้งกลิ่น
หอมและกลิ่นเหม็น เด็กอ่อนย่อมเก็บผลไม้ทั้งดิบ
ทั้งสุก คนตาบอดผู้โลภในรสอาหาร ย่อมถือเอาอาหาร
ฉันใด ธรรมดาหญิงก็ฉันนั้น พระองค์ไม่รู้จักตัดสินใจ
ในเหตุทั้งหลาย ปรากฏแก่ข้าพระองค์เหมือนคนเขลา
พระองค์จะถึงมรณกาลแล้ว ยังไม่ทรงทราบถึงกิจที่
ควรและไม่ควร พระองค์เห็นจะเป็นกึ่งคนบ้า บ่นเพ้อ
ไปต่าง ๆ ทรงสำคัญหญิงว่าเป็นผู้ประเสริฐ แท้จริง
หญิงเหล่านี้ เป็นของทั่วไปแก่คนเป็นอันมาก เหมือน
โรงสุราเป็นสถานที่ทั่วไปแก่พวกนักเลงสุรา ฉะนั้น
อนึ่ง หญิงเหล่านี้มีมารยาเหมือนพยับแดด เป็นเหตุ
แห่งความเศร้าโศก เป็นเหตุเกิดโรคและอันตราย อนึ่ง
 
๖๒/๒๔๘/๔๑๑

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก