พึงทราบวินิจฉัยในตติยวาร:-
สามบทว่า อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ มีความว่า ทรงเปล่งอุทาน
มีประการดังกล่าวแล้วนี้ ซึ่งแสดงอานุภาพแห่งอริยมรรคที่เป็นเหตุ ทรงทราบ
เนื้อความกล่าวคือความเกิดและความดับแห่งกองทุกข์นั้น ด้วยอำนาจกิจ
และด้วยทำให้เป็นอารมณ์.
ความสังเขปในอุทานนั้นดังต่อไปนี้:- เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย
ปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้น พราหมณ์นั้นย่อมกำจัด เสนา
มารด้วยโพธิปักขิยธรรมซึ่งเกิดแล้วเหล่านั้น หรือด้วยอริยมรรคเป็นเครื่อง
ปรากฏแห่งจตุสัจจธรรมาดำรงอยู่ ข้อว่า วิธูปยํ ติฏฺฐติ มารเสนํ ความ
ว่า ย่อมกำจัด คือผจญ ปราบเสนามาร มีประการดังกล่าวแล้ว โดยนัยเป็น
ต้นว่ากามอาทิผิด อักขระ ทั้งหลาย เป็นเสนาที่ ๑ ของท่านดังนี้๑ ดำรงอยู่.
ถามว่า กำจัดอย่างไร ?
ตอบว่า เหมือนพระอาทิตย์ส่องอากาศให้สว่างฉะนั้น.
อธิบายว่า พระอาทิตย์ขึ้นไปแล้ว เมื่อส่องอากาศให้สว่างด้วย
รัศมีของตนแล ชื่อว่ากำจัดมืดเสีย ข้อนี้ฉันใด. พราหมณ์แม้นั้นเมื่อตรัสรู้
สัจจะทั้งหลายด้วยธรรมเหล่านั้นหรือด้วยมรรคนั้นแล ชื่อว่ากำจัดเสนามารเสีย
ได้ ข้อนี้ก็ฉันนั้น เพราะฉะนั้น ผู้ศึกษาพึงทราบสันนิษฐานว่าใน ๓ อุทาน
นี้ อุทานที่ ๑ เกิดขึ้นด้วยอำนาจความพิจารณาปัจจยาการ อุทานที่ ๒ เกิดขึ้น
ด้วยอำนาจความพิจารณาพระนิพพาน อุทานที่ ๓ เกิดขึ้นด้วยอำนาจความ
พิจารณามรรค ด้วยประการฉะนี้.
๑. ขุ. สุ. ๒๕/ข้อ ๓๕๕.
สามบทว่า อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ มีความว่า ทรงเปล่งอุทาน
มีประการดังกล่าวแล้วนี้ ซึ่งแสดงอานุภาพแห่งอริยมรรคที่เป็นเหตุ ทรงทราบ
เนื้อความกล่าวคือความเกิดและความดับแห่งกองทุกข์นั้น ด้วยอำนาจกิจ
และด้วยทำให้เป็นอารมณ์.
ความสังเขปในอุทานนั้นดังต่อไปนี้:- เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย
ปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้น พราหมณ์นั้นย่อมกำจัด เสนา
มารด้วยโพธิปักขิยธรรมซึ่งเกิดแล้วเหล่านั้น หรือด้วยอริยมรรคเป็นเครื่อง
ปรากฏแห่งจตุสัจจธรรมาดำรงอยู่ ข้อว่า วิธูปยํ ติฏฺฐติ มารเสนํ ความ
ว่า ย่อมกำจัด คือผจญ ปราบเสนามาร มีประการดังกล่าวแล้ว โดยนัยเป็น
ต้นว่า
ถามว่า กำจัดอย่างไร ?
ตอบว่า เหมือนพระอาทิตย์ส่องอากาศให้สว่างฉะนั้น.
อธิบายว่า พระอาทิตย์ขึ้นไปแล้ว เมื่อส่องอากาศให้สว่างด้วย
รัศมีของตนแล ชื่อว่ากำจัดมืดเสีย ข้อนี้ฉันใด. พราหมณ์แม้นั้นเมื่อตรัสรู้
สัจจะทั้งหลายด้วยธรรมเหล่านั้นหรือด้วยมรรคนั้นแล ชื่อว่ากำจัดเสนามารเสีย
ได้ ข้อนี้ก็ฉันนั้น เพราะฉะนั้น ผู้ศึกษาพึงทราบสันนิษฐานว่าใน ๓ อุทาน
นี้ อุทานที่ ๑ เกิดขึ้นด้วยอำนาจความพิจารณาปัจจยาการ อุทานที่ ๒ เกิดขึ้น
ด้วยอำนาจความพิจารณาพระนิพพาน อุทานที่ ๓ เกิดขึ้นด้วยอำนาจความ
พิจารณามรรค ด้วยประการฉะนี้.
๑. ขุ. สุ. ๒๕/ข้อ ๓๕๕.
๖/๓/๑๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น