วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 02, 2564

Paet

 
เห็นไม่มีอันตรายสำหรับพระราชกุมารนั้น จึงทรงพยากรณ์แล้วเสด็จ
กลับไป พระราชกุมารทรงสดับแล้วทรงดำริว่า ก็ธรรมดาพระพุทธเจ้า
ทั้งหลาย ไม่ตรัสเป็นคำสอง ในวันที่สอง ก็ได้เป็นเหมือนถือบาตรจีวร
ของพระโคดมพุทธเจ้า ตามเสด็จไปเบื้องพระปฤษฎางค์

พระราชกุมารนั้น ในพุทธุปบาทกาลนั้น ถวายทานแล้วบังเกิด
ในสวรรค์แสนปี ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสป ได้ถวายผ้าห่ม
เพื่อรองรับบาตรแก่พระเถระผู้เที่ยวไปบิณฑบาต ได้ทำการบูชา
บังเกิดในสวรรค์อีก จุติจากภพนั้น เป็นพระเจ้าพาราณสี เสด็จขึ้นชั้น
บนปราสาทอันประเสริฐ ทอดพระเนตรเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า อาทิผิด องค์
ซึ่งมาแต่เขาคันธมาทน์ ให้นิมนต์มาแล้วให้ฉันโปรดให้สร้างบรรณศาลา
๘ หลัง สำหรับพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น ในมงคลอุทยานของพระองค์
ทรงตกแต่งตั่งทำด้วยรตนะล้วน เตียงทำด้วยแก้วมณีอย่างละ ๘ และ
เชิงรองแก้วมณี ได้ทำการอุปัฏฐากถึงหมื่นปี. เหล่านี้เป็นฐานะที่ปรากฏ
แล้ว ก็ท่านถวายทานอยู่ถึงแสนกัป บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต กับพระ-
โพธิสัตว์ของเรา จุติจากชั้นดุสิตนั้นแล้ว ก็บังเกิดในเรือนของเจ้า-
อมิโตทนศากยะ ลำดับนั้น ท่านเกิดแล้วทำพระญาติทั้งมวลของท่าน
ให้ร่าเริงบันเทิงใจ เพราะฉะนั้น พระประยูรญาติจึงขนานพระนาม
แก่ท่านว่าอานันทะ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกอภิเนษกรมณ์
ตามลำดับ บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว เสด็จมากรุงกบิลพัศดุ
เป็นการเสด็จครั้งแรก กำลังเสด็จออกจากกรุงกบิลพัศดุนั้น เมื่อเหล่า
พระราชกุมารบรรพชาเพื่อเป็นบริวารของพระผู้มีพระภาคเจ้า ท่าน
ก็ออกบวชในสำนักพระศาสดาพร้อมกับเหล่าเจ้าศากยะมีเจ้าภัททิยะ
 
๓๒/๑๔๙/๔๕๐

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก