ความวิเศษของประโยชน์ โดยการชี้แจงถึงประโยชน์อันจะให้เกิดความเสียหาย
ด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งมาก่อน ดุจในประโยคมีอาทิว่า ปุริสสฺส หิ ชาตสฺส
กุฐารี ชายเต มุเข ขวานเกิดในปากของบุรุษผู้เกิดแล้ว. แต่ในที่นี้เป็นคำ
แสดงถึงประโยชน์อย่างเดียว. ในบทเหล่านั้นบทว่า สนฺโต คือพระพุทธเจ้า
เป็นต้น. จริงอยู่ สัตบุรุษเหล่านั้นย่อมกล่าวคำอันเป็นสุภาษิตว่าเป็นคำสูงสุด
ประเสริฐสุด. บทว่า ทุติยํ ตติยํ จตุตฺถํ นี้ ท่านกล่าวหมายมุ่งถึงลำดับ
ที่แสดงไว้ก่อนแล้ว.
ก็ในที่สุดแห่งคาถา พระวังคีสเถระ เลื่อมใสสุภาษิตของพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า. พระสังคีติกาจารย์เมื่อแสดงคำที่พระวังคีสเถระอาทิผิด อักขระ ทำอาการเลื่อมใส และ
คำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัส จึงกล่าวคำมีอาทิว่า อถโข อายสฺมา ดังนี้.
ในบทเหล่านั้น บทว่า ปฏิภาติ มํ คือพระธรรมเทศนาย่อมแจ่มแจ้ง
แก่ข้าพระองค์. บทว่า ปฏิภาตุ ตํ คือ พระธรรมเทศนาจงแจ่มแจ้งแก่เธอเถิด.
บทว่า สารุปฺปาหิ คือ สมควร. บทว่า อภิตฺถวิ คือ สรรเสริญ. บทว่า
น ตาปเย คือไม่ให้ผู้อื่นเดือดร้อนด้วยความร้อนใจ. บทว่า น วิหึเสยฺย
คือไม่พึงทำลายเบียดเบียนกันและกัน. บทว่า สา เว วาจา คือวาจานั้น
เป็นสุภาษิตโดยส่วนเดียว. พระวังคีสเถระชมพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยวาจาอัน
ไม่ส่อเสียดด้วยเหตุเพียงนี้. บทว่า ปฏินนฺทิตา ได้แก่ มีใจร่าเริงยินดีน่ารัก
จนปรากฏออกเฉพาะหน้า. บทว่า ยํ อนาทาย ปาปานิ ปเรสํ ภาสเต
ปิยํ บุคคลพึงกล่าววาจาอันเป็นที่รักไม่ถือเอาคำอันลามกของผู้อื่น อธิบายว่า
บุคคลเมื่อจะกล่าววาจาใด ย่อมกล่าวคำน่ารักไพเราะด้วยอรรถและพยัญชนะ
ด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งมาก่อน ดุจในประโยคมีอาทิว่า ปุริสสฺส หิ ชาตสฺส
กุฐารี ชายเต มุเข ขวานเกิดในปากของบุรุษผู้เกิดแล้ว. แต่ในที่นี้เป็นคำ
แสดงถึงประโยชน์อย่างเดียว. ในบทเหล่านั้นบทว่า สนฺโต คือพระพุทธเจ้า
เป็นต้น. จริงอยู่ สัตบุรุษเหล่านั้นย่อมกล่าวคำอันเป็นสุภาษิตว่าเป็นคำสูงสุด
ประเสริฐสุด. บทว่า ทุติยํ ตติยํ จตุตฺถํ นี้ ท่านกล่าวหมายมุ่งถึงลำดับ
ที่แสดงไว้ก่อนแล้ว.
ก็ในที่สุดแห่งคาถา พระวังคีสเถระ เลื่อมใสสุภาษิตของพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า. พระสังคีติกาจารย์เมื่อแสดงคำที่พระวังคีส
คำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัส จึงกล่าวคำมีอาทิว่า อถโข อายสฺมา ดังนี้.
ในบทเหล่านั้น บทว่า ปฏิภาติ มํ คือพระธรรมเทศนาย่อมแจ่มแจ้ง
แก่ข้าพระองค์. บทว่า ปฏิภาตุ ตํ คือ พระธรรมเทศนาจงแจ่มแจ้งแก่เธอเถิด.
บทว่า สารุปฺปาหิ คือ สมควร. บทว่า อภิตฺถวิ คือ สรรเสริญ. บทว่า
น ตาปเย คือไม่ให้ผู้อื่นเดือดร้อนด้วยความร้อนใจ. บทว่า น วิหึเสยฺย
คือไม่พึงทำลายเบียดเบียนกันและกัน. บทว่า สา เว วาจา คือวาจานั้น
เป็นสุภาษิตโดยส่วนเดียว. พระวังคีสเถระชมพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยวาจาอัน
ไม่ส่อเสียดด้วยเหตุเพียงนี้. บทว่า ปฏินนฺทิตา ได้แก่ มีใจร่าเริงยินดีน่ารัก
จนปรากฏออกเฉพาะหน้า. บทว่า ยํ อนาทาย ปาปานิ ปเรสํ ภาสเต
ปิยํ บุคคลพึงกล่าววาจาอันเป็นที่รักไม่ถือเอาคำอันลามกของผู้อื่น อธิบายว่า
บุคคลเมื่อจะกล่าววาจาใด ย่อมกล่าวคำน่ารักไพเราะด้วยอรรถและพยัญชนะ
๔๗/๓๕๗/๔๒๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น