ในกาลภายหลังพระโสภิตพุทธเจ้า พระสัมพุทธเจ้า
พระนามว่าอโนมทัสสี ผู้สูงสุดกว่าสัตว์สองเท้า มีพระยศ
นับไม่ได้ มีพระเดชยากที่ใคร ๆ จะก้าวล่วงได้ ฉะนี้แล.
ในกาลภายหลังแห่งพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า มีพระศาสดาพระนามว่า
ปทุมะ เสด็จอุบัติขึ้น แม้พระองค์ก็มีสาวกสันนิบาตอาทิผิด อักขระ ๓ ครั้ง. สันนิบาต
ครั้งแรก มีภิกษุแสนโกฏิ ครั้งที่ ๒ มีภิกษุสามแสน ครั้งที่ ๓ มีภิกษุ
สองแสน ผู้อยู่ในชัฏป่ามหาวัน ในป่าไม่มีบ้าน.
ครั้งนั้น เมื่อพระตถาคตประทับอยู่ในไพรสณฑ์นั้นนั่นเอง พระ-
โพธิสัตว์เป็นราชสีห์ เห็นพระศาสดาทรงเข้านิโรธสมาบัติ มีจิตเลื่อมใส
จึงไหว้แล้วทำประทักษิณ เกิดปีติโสมนัสบันลือสีหนาทขึ้น ๓ ครั้ง ตลอด
๗ วันมิได้ละปีติอันมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ เพราะสุขอันเกิดจากปีติ
นั่นเอง จึงไม่ออกไปหากิน กระทำการบริจาคชีวิต ได้เข้าไปยืนเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่. เมื่อล่วงไปได้ ๗ วัน พระศาสดาทรงออกจาก
นิโรธ ทอดพระเนตรเห็นราชสีห์ ได้ทรงดำริว่า เขายังจิตให้เลื่อมใส
แม้ในภิกษุสงฆ์ ก็จักไหว้พระสงฆ์ แล้วทรงดำริว่า ขอภิกษุสงฆ์จงมา.
ทันใดนั่นอาทิผิด อักขระ เอง ภิกษุทั้งหลายก็มา ฝ่ายราชสีห์ก็ทำจิตให้เลื่อมใสในพระ-
ภิกษุสงฆ์. พระศาสดาทรงตรวจดูใจของราชสีห์นั้นแล้วทรงพยากรณ์
ว่า จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล. ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าปทุมะ
ได้มีนครชื่อว่า จัมปกะ พระราชาพระนามว่า อสมะ เป็นพระบิดา
พระเทวีพระนามว่า อสมา เป็นพระมารดา มีพระอัครสาวก ๒ องค์
คือ พระสาละ และพระอุปสาละ มีพระอุปัฏฐากชื่อว่า วรุณะ
มีพระอัครสาวิกา ๒ องค์ คือ พระนางรามา และพระนางสุรามา
พระนามว่าอโนมทัสสี ผู้สูงสุดกว่าสัตว์สองเท้า มีพระยศ
นับไม่ได้ มีพระเดชยากที่ใคร ๆ จะก้าวล่วงได้ ฉะนี้แล.
ในกาลภายหลังแห่งพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า มีพระศาสดาพระนามว่า
ปทุมะ เสด็จอุบัติขึ้น แม้พระองค์ก็มีสาวก
ครั้งแรก มีภิกษุแสนโกฏิ ครั้งที่ ๒ มีภิกษุสามแสน ครั้งที่ ๓ มีภิกษุ
สองแสน ผู้อยู่ในชัฏป่ามหาวัน ในป่าไม่มีบ้าน.
ครั้งนั้น เมื่อพระตถาคตประทับอยู่ในไพรสณฑ์นั้นนั่นเอง พระ-
โพธิสัตว์เป็นราชสีห์ เห็นพระศาสดาทรงเข้านิโรธสมาบัติ มีจิตเลื่อมใส
จึงไหว้แล้วทำประทักษิณ เกิดปีติโสมนัสบันลือสีหนาทขึ้น ๓ ครั้ง ตลอด
๗ วันมิได้ละปีติอันมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ เพราะสุขอันเกิดจากปีติ
นั่นเอง จึงไม่ออกไปหากิน กระทำการบริจาคชีวิต ได้เข้าไปยืนเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่. เมื่อล่วงไปได้ ๗ วัน พระศาสดาทรงออกจาก
นิโรธ ทอดพระเนตรเห็นราชสีห์ ได้ทรงดำริว่า เขายังจิตให้เลื่อมใส
แม้ในภิกษุสงฆ์ ก็จักไหว้พระสงฆ์ แล้วทรงดำริว่า ขอภิกษุสงฆ์จงมา.
ทันใด
ภิกษุสงฆ์. พระศาสดาทรงตรวจดูใจของราชสีห์นั้นแล้วทรงพยากรณ์
ว่า จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล. ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าปทุมะ
ได้มีนครชื่อว่า จัมปกะ พระราชาพระนามว่า อสมะ เป็นพระบิดา
พระเทวีพระนามว่า อสมา เป็นพระมารดา มีพระอัครสาวก ๒ องค์
คือ พระสาละ และพระอุปสาละ มีพระอุปัฏฐากชื่อว่า วรุณะ
มีพระอัครสาวิกา ๒ องค์ คือ พระนางรามา และพระนางสุรามา
๗๐/๑/๘๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น