คำว่า อยํ วุจฺจติอาทิผิด อักขระ (นี้เรียกว่า) ความว่า นี้เราเรียกชื่อว่า ปิเยหิวิปปโยค
ทุกข์. ปิเยหิวิปปโยคทุกข์นั้น อิฏฺฐวตฺถุวิโยคลกฺขโณ มีการพลัดพรากจาก
วัตถุที่ปรารถนาเป็นลักษณะ โสกุปฺปาทนรโส มีการให้เกิดขึ้นแห่งความโศก
เป็นรส พฺยาสนปจฺจุปฏฺาโน มีความฉิบหายเป็นปัจจุปัฏฐาน.
ปิเยหิวิปปโยคทุกข์นั้น ชื่อว่าเป็นธรรมอย่างหนึ่งโดยอรรถ ย่อมไม่มี
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เป็นทุกข์ เพราะเป็นวัตถุที่ตั้งแห่งทุกข์แม้ทั้ง ๒
ของบุคคลผู้พลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักอย่างเดียว เพราะวัตถุที่น่าปรารถนา
ทั้งหลายเมื่อพลัดพรากไป ย่อมยังทุกข์แม้ทางกายให้เกิดขึ้นโดยความเป็นผู้มี
สรีระซูบซีดและเหี่ยวแห้งเป็นต้น แม้ทางใจก็ให้เกิดทุกข์ โดยการให้เศร้าโศก
ว่า แม้สิ่งที่มีอยู่แก่พวกเรานั้นก็ไม่มีแล้ว ดังนี้. เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าว
ไว้ดังนี้ว่า
เพราะพลัดพรากจากญาติและทรัพย์
เป็นต้น พวกคนพาลผู้เพียบอาทิผิด อักขระ พร้อม ด้วยลูก-
ศรคือความโศกเสียดแทงอยู่ เพราะเหตุใด
เพราะเหตุนั้น ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก
เขาจึงรู้กันว่า เป็นทุกข์.
ว่าด้วยนิเทศอิจฉา (บาลีข้อ ๑๕๖)
พึงทราบวินิจฉัยในนิเทศอิจฉา (ความปรารถนา) ต่อไป
บทว่า ชาติธมฺมานํ (มีความเกิดเป็นธรรมดา) ได้แก่ มีภพเกิด
เป็นสภาพ มีความเกิดปกติ. บทว่า อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ (ความปรารถนา
ย่อมเกิด) ได้แก่ ตัณหาย่อมเกิด. ศัพท์ว่า อโห วต (โอหนอ) เป็นการ
ปรารถนา. คำว่า น โข ปเนตํ อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํ (ข้อนี้ไม่พึงสำเร็จ
ทุกข์. ปิเยหิวิปปโยคทุกข์นั้น อิฏฺฐวตฺถุวิโยคลกฺขโณ มีการพลัดพรากจาก
วัตถุที่ปรารถนาเป็นลักษณะ โสกุปฺปาทนรโส มีการให้เกิดขึ้นแห่งความโศก
เป็นรส พฺยาสนปจฺจุปฏฺาโน มีความฉิบหายเป็นปัจจุปัฏฐาน.
ปิเยหิวิปปโยคทุกข์นั้น ชื่อว่าเป็นธรรมอย่างหนึ่งโดยอรรถ ย่อมไม่มี
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เป็นทุกข์ เพราะเป็นวัตถุที่ตั้งแห่งทุกข์แม้ทั้ง ๒
ของบุคคลผู้พลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักอย่างเดียว เพราะวัตถุที่น่าปรารถนา
ทั้งหลายเมื่อพลัดพรากไป ย่อมยังทุกข์แม้ทางกายให้เกิดขึ้นโดยความเป็นผู้มี
สรีระซูบซีดและเหี่ยวแห้งเป็นต้น แม้ทางใจก็ให้เกิดทุกข์ โดยการให้เศร้าโศก
ว่า แม้สิ่งที่มีอยู่แก่พวกเรานั้นก็ไม่มีแล้ว ดังนี้. เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าว
ไว้ดังนี้ว่า
เพราะพลัดพรากจากญาติและทรัพย์
เป็นต้น พวกคนพาลผู้
ศรคือความโศกเสียดแทงอยู่ เพราะเหตุใด
เพราะเหตุนั้น ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก
เขาจึงรู้กันว่า เป็นทุกข์.
ว่าด้วยนิเทศอิจฉา (บาลีข้อ ๑๕๖)
พึงทราบวินิจฉัยในนิเทศอิจฉา (ความปรารถนา) ต่อไป
บทว่า ชาติธมฺมานํ (มีความเกิดเป็นธรรมดา) ได้แก่ มีภพเกิด
เป็นสภาพ มีความเกิดปกติ. บทว่า อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ (ความปรารถนา
ย่อมเกิด) ได้แก่ ตัณหาย่อมเกิด. ศัพท์ว่า อโห วต (โอหนอ) เป็นการ
ปรารถนา. คำว่า น โข ปเนตํ อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํ (ข้อนี้ไม่พึงสำเร็จ
๗๗/๑๗๐/๓๔๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น