ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ตสฺส เม ดังนี้เป็นต้น . บทว่า นิรูปธิ
ได้แก่ ไม่มีอุปธิ เพราะไม่มีอุปธิกิเลสเป็นต้น.
บทว่า รตฺยาวิวสาเน ได้แก่ ในเมื่อส่วนแห่งราตรีสิ้นไปแล้ว คือ
เมื่อราตรีสว่างแล้ว.
บทว่า สูริยุคฺคมนํ ปติ ได้แก่ ทำการขึ้นไปแห่งพระอาทิตย์
ให้เป็นลักษณะ.
บทว่า สพฺพํ ตณฺหํ ได้แก่ ทำกระแสแห่งตัณหาทั้งหมด อันต่าง
โดยประเภทมีกามตัณหาเป็นต้น ให้แห้ง คือให้แห้งเหือดไปด้วยพระ-
อรหัตมรรคได้ ก็เพราะท่านมั่นคงต่อคำปฏิญาณว่า เราไม่ได้นั่งอยู่เปล่า
ในเมื่อยังถอนลูกศรคือตัณหาขึ้นไม่ได้.
บทว่า ปลฺลงฺเกน อุปาวิสึ ความว่า เรานั่งคู้ บัลลังก์อาทิผิด อักขระ . คำที่เหลือ
มีเนื้อความง่ายทั้งนั้น.
จบอรรถกถามหาปันถกเถรคาถา
จบปรมัตถทีปนี อรรถกถาเถรคาถา
อัฏฐกนิบาต
ได้แก่ ไม่มีอุปธิ เพราะไม่มีอุปธิกิเลสเป็นต้น.
บทว่า รตฺยาวิวสาเน ได้แก่ ในเมื่อส่วนแห่งราตรีสิ้นไปแล้ว คือ
เมื่อราตรีสว่างแล้ว.
บทว่า สูริยุคฺคมนํ ปติ ได้แก่ ทำการขึ้นไปแห่งพระอาทิตย์
ให้เป็นลักษณะ.
บทว่า สพฺพํ ตณฺหํ ได้แก่ ทำกระแสแห่งตัณหาทั้งหมด อันต่าง
โดยประเภทมีกามตัณหาเป็นต้น ให้แห้ง คือให้แห้งเหือดไปด้วยพระ-
อรหัตมรรคได้ ก็เพราะท่านมั่นคงต่อคำปฏิญาณว่า เราไม่ได้นั่งอยู่เปล่า
ในเมื่อยังถอนลูกศรคือตัณหาขึ้นไม่ได้.
บทว่า ปลฺลงฺเกน อุปาวิสึ ความว่า เรานั่ง
มีเนื้อความง่ายทั้งนั้น.
จบอรรถกถามหาปันถกเถรคาถา
จบปรมัตถทีปนี อรรถกถาเถรคาถา
อัฏฐกนิบาต
๕๒/๓๖๘/๓๐๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น