วันอังคาร, พฤษภาคม 17, 2565

Bao Lom

 
บทว่า สาลีนํ ความว่า แห่งข้าวสาลีชนิดต่าง ๆ มีข้าวสาลีแดง
และข้าวสาลีหอมเป็นต้น.
บทว่า ปิณฺฑปาตํ ได้แก่ข้าวสุก.
บทว่า วิจิตกาฬกํ ความว่า นำส่วนที่ดำ (เสีย) ออก.
บทว่า เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตราย ความว่า การฉันบิณฑบาต
มีประการดังกล่าวนั้น ของภิกษุเห็นปานนี้นั้น ย่อมไม่เป็นอันตรายแก่
มรรคหรือผล. จริงอยู่ การฉันนั้น ของท่านผู้ได้ (บรรลุ) คุณธรรม
แล้วจักทำอันตรายอะไรได้ แม้ว่าท่านยังไม่ได้บรรลุอรหัตตมรรคและ
อรหัตตผล (แต่ ) ยัง (อยู่ในระยะ) เจริญวิปัสสนาเพื่อบรรลุมรรคผล
นั้น การฉันนั้นก็ไม่จัดเป็นอันตรายเลย คือไม่สามารถจะทำอันตรายได้
เลย. เพราะเหตุไร ? เพราะท่านมีจิตบริสุทธิ์ด้วยมรรคที่ประมวล ศีล
ธรรม และปัญญา มีประการดังกล่าวแล้วไว้. ก็เพราะในข้อที่มีเหตุนี้
นั้นแล ฉะนั้น เมื่อจะทรงแสดงข้ออุปมาอันเหมาะแก่เหตุนั้น จึงตรัสคำ
เป็นต้นว่า เสยฺยถาปิ ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อจฺฉํ ความว่า ใสสะอาด เพราะ
ปราศจากมลทิน ผ่องแผ้ว เพราะประภัสสร.
บทว่า อุกฺกามุขํ ความว่า เบ้าหลอมของช่างทอง เพราะในที่นี้
เบ้าของช่างทองท่านเรียกว่า อุกกา. แต่ในที่อื่นแม้ประทีปเป็นต้นท่าน
ก็เรียกว่า อุกกา. จริงอยู่ ประทีปท่านเรียกว่า อุกกา ( คบเพลิง) ใน
อาคตสถานว่า อุกฺกา ธาริยมานาสุ ดังนี้. เบ้าท่านเรียกว่า อุกกา
(เบ้าหลอม) ในอาคตสถานว่า ช่างทอง พึงก่อเบ้าหลอม ครั้น
ก่อเสร็จแล้ว พึงฉาบปากเบ้าอาทิผิด อาณัติกะหลอม ดังนี้ เตาช่างทองท่านก็เรียกว่า
 
๑๗/๙๙/๔๕๖

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก