วันพุธ, พฤษภาคม 04, 2565

Mom Chan

 
นาฏกา. มาเถิด ท่านผู้เจริญ พวกเราไปดูเจ้าแม่ของพวกเรา แล้ว
ทั้งหมดก็พากันไปที่นั้น.
นางสุชาดานั้น แต่ก่อนมา ถือตัวว่าเป็นใหญ่กว่าเขาหมด. บัดนี้ชั้น
แต่พวกหญิงนักฟ้อน เมื่อเห็นนางเข้าก็พากันพูดจาเยาะเย้ยเอาเป็นต้นว่า ดู
เถิดท่าน ปากเจ้าแม่พวกเราอย่างกะหลาวแทงปู.
นางเกิดอึดอัดเหลือเกิน จึงทูลท้าวสักกะ ผู้เป็นราชาของเทพว่า
มหาราช วิมานทอง วิมานเงิน หรือนันทาโปกขรณีเหล่านี้ จักทำอะไร
แก่หม่อมฉันอาทิผิด อักขระ มหาราช ชาติภูมิเท่านั้นแหละที่เป็นสุขของหมู่สัตว์โปรด
ปล่อยหม่อมฉันไว้ที่เชิงซอกเขานั้นตามเดิมเถิด. ท้าวสักกะ ทรงปล่อยนาง
ไว้ที่นั้นแล้วตรัสว่า เจ้าจะทำตามคำของฉันไหม. นางทูลถามว่า จะทำตาม
มหาราช. ท้าวสักกะ จึงตรัสว่า เจ้าจงรับศีลห้ารักษาอย่าให้ขาด ไม่กี่วันฉันจะ
ทำเจ้าให้ใหญ่กว่านางเหล่านั้น . นางก็ได้ทำอย่างนั้น. ล่วงไปได้สองสามวัน
ท้าวสักกะ ทรงคิดว่า นางรักษาศีลได้ไหมหนอ จึงเสด็จไปจำแลงเป็นปลาหงาย
ท้อง ลอยบนหลังน้ำข้างหน้านาง. นางคิดว่า คงเป็นปลาตาย จึงไปจิกเอาที่
หัว. ปลากระดิกหาง. นางคิดว่า ชะรอยปลายังเป็นแล้วก็ปล่อยน้ำไป. ท้าว
สักกะประทับยืนที่อากาศ ตรัสว่า สาธุ สาธุ เจ้ารักษาสิกขาบทได้ ฉันจะทำ
เจ้าผู้รักษาได้อย่างนี้ให้เป็นหัวหน้าของพวกนางละครเทวดาโดยไม่นานทีเดียว.
นางมีอายุ ๕๐๐ ปี. แม้แต่วันเดียวก็ไม่ได้อาหารเต็มท้อง แม้จะเหี่ยวแห้ง
แห้งผากร่วงโรยอยู่ ก็ไม่ทำให้ศีลขาด เมื่อตายแล้ว ก็เกิดในเรือนช่างหม้อใน
กรุงพาราณสี.
เมื่อท้าวสักกะทรงตรวจดูว่า เกิดที่ไหน ก็ทรงเห็น ทรงคิดว่า เรายังนำ
นางมาที่นี้จากที่นั้นไม่ได้ เราจะให้ความเป็นไปแห่งชีวิตแก่นาง จึงทรงเอาฟักทอง
 
๑๔/๒๗๒/๑๗๑

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก