บำเพ็ญตบะ ส่วนนางจันทวดี จงอยู่ในแว่น
แคว้นของพระองค์เถิด.
จบ โลมสกัสสปชาดกที่ ๗
อรรถกถาโลมสกัสสปชาดกที่ ๗
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุผู้กระสันรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า อสฺส อินฺทสโม
ราชา ดังนี้.
ความย่อมีว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุรูปนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ
เขาว่าเธอกระสันจริงหรือ ? เมื่อภิกษุรูปนั้น กราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า
จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ก็ลมที่พัดภูเขาสิเนรุให้หวั่นไหว ทำไมจึงจักไม่
พัดใบไม้เก่า ๆ ให้หวั่นไหวเล่า แม้ผู้ที่เพียบพร้อมไปด้วย ยศอาทิผิด อักขระ ทั่ว ๆ ไป ยัง
ถึงความเสื่อมยศได้ ชื่อว่ากิเลส ย่อมทำสัตว์ที่บริสุทธิ์ให้เศร้าหมองได้
จะป่วยกล่าวไปไยถึงคนเช่นเธอ ดังนี้ แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมา
สาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล โอรสของพระเจ้าพรหมทัตผู้ครองพระนครพาราณ-
สี ชื่อว่า พรหมทัตตกุมาร และบุตรของปุโรหิต ชื่อว่า กัสสปะ เป็น
สหายกัน เรียนศิลปะทุกอย่างในตระกูลอาจารย์คนเดียวกัน ต่อมา
เมื่อพระราชบิดาสวรรคต พรหมทัตตกุมารได้ครองราชสมบัติ ทีนั้น
แคว้นของพระองค์เถิด.
จบ โลมสกัสสปชาดกที่ ๗
อรรถกถาโลมสกัสสปชาดกที่ ๗
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุผู้กระสันรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า อสฺส อินฺทสโม
ราชา ดังนี้.
ความย่อมีว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุรูปนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ
เขาว่าเธอกระสันจริงหรือ ? เมื่อภิกษุรูปนั้น กราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า
จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ก็ลมที่พัดภูเขาสิเนรุให้หวั่นไหว ทำไมจึงจักไม่
พัดใบไม้เก่า ๆ ให้หวั่นไหวเล่า แม้ผู้ที่เพียบพร้อมไป
ถึงความเสื่อมยศได้ ชื่อว่ากิเลส ย่อมทำสัตว์ที่บริสุทธิ์ให้เศร้าหมองได้
จะป่วยกล่าวไปไยถึงคนเช่นเธอ ดังนี้ แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมา
สาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล โอรสของพระเจ้าพรหมทัตผู้ครองพระนครพาราณ-
สี ชื่อว่า พรหมทัตตกุมาร และบุตรของปุโรหิต ชื่อว่า กัสสปะ เป็น
สหายกัน เรียนศิลปะทุกอย่างในตระกูลอาจารย์คนเดียวกัน ต่อมา
เมื่อพระราชบิดาสวรรคต พรหมทัตตกุมารได้ครองราชสมบัติ ทีนั้น
๕๙/๑๒๗๓/๖๘๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น